ตอนนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคนซัสได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่ในBulletin of the American Meteorological Society ซึ่งแยกวิเคราะห์กลไกที่ขนส่งฝุ่น ผลลัพธ์ของพวกเขาอธิบายปรากฏการณ์ที่อาจเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นในปีต่อ ๆ ไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และระบบการขนส่ง จากการศึกษาพบว่า ฝุ่นแอฟริกันทำให้ท้องฟ้าในแถบแคริบเบียนและรัฐอ่าวอเมริกันมืดลง ต้องขอบคุณรูปแบบบรรยากาศสามแบบ

"การศึกษาของเราพบว่าส่วนใหญ่เป็นระบบที่แตกต่างกันสามระบบ" ผู้เขียนนำ Bing Pu ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านภูมิศาสตร์และบรรยากาศที่ KU กล่าว "เครื่องบินเจ็ตตะวันออกของแอฟริกาส่งออกฝุ่นจากแอฟริกาไปยังภูมิภาคแอตแลนติก จากนั้น Subtropical High ของแอตแลนติกเหนือ ซึ่งเป็นระบบความกดอากาศสูงที่อยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือกึ่งเขตร้อน สามารถขนส่งไปยังภูมิภาคแคริบเบียนต่อไป เมื่อฝุ่นไปถึง ภูมิภาคแคริบเบียน เครื่องบินไอพ่นระดับต่ำของแคริบเบียน ซึ่งเป็นอีกระบบหนึ่ง ประกอบกับพื้นที่สูงกึ่งเขตร้อน สามารถขนส่งฝุ่นจากภูมิภาคแคริบเบียนไปยังสหรัฐฯ ได้อีกมาก”

Pu และผู้เขียนร่วม Qinjian Jin อาจารย์และโครงการวิชาการร่วมกับ Department of Geography & Atmospheric Science ของ KU ใช้ชุดข้อมูลดาวเทียมเพื่อสร้างรูปแบบใหม่ที่ขนส่งฝุ่นจากแอฟริกาไปยังอเมริกา

"ส่วนใหญ่เราใช้ Spectroradiometer การถ่ายภาพความละเอียดปานกลางบนดาวเทียม Terra และ Aqua, Visible Infrared Imaging Radiometer Suite บนดาวเทียม Suomi National Polar-orbiting Partnership และ Cloud-Aerosol Lidar พร้อมโพลาไรเซชันมุมฉากบน Cloud-Aerosol Lidar และ Infrared Pathfinder Satellite Observation satellite ” ปูกล่าว

เมื่อรวมข้อมูลดาวเทียมกับค่าที่อ่านได้จากสถานีคุณภาพอากาศ นักวิจัยใช้คอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์ว่าฝุ่นถูกส่งออกไประหว่างระบบเจ็ตสตรีมเพื่อไปถึงทะเลแคริบเบียนและสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร ซึ่งทำให้การขนส่งหยุดชะงักและมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

“รายงานข่าวระบุว่าทัศนวิสัยของสนามบินในซานฮวน เปอร์โตริโก ลดลงเหลือ 5 ไมล์ ซึ่งต่ำมาก” ปูกล่าว "ทัศนวิสัยในหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกาลดลงเหลือ 3 ไมล์ ดังนั้นจึงอาจส่งผลต่อการขนส่งสาธารณะ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ฝุ่นอาจส่งผลต่อการไหลเวียนและการตกตะกอน สิ่งเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนสภาพอากาศได้เช่นกันเมื่อมีปริมาณมาก"

ที่แย่ไปกว่านั้น ฝุ่นผงจากแอฟริกาอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพแก่ผู้คนในทวีปอเมริกา

“อนุภาคขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร สามารถนำเข้าสู่ระบบหายใจของมนุษย์ได้ง่ายและทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ” ปูกล่าว "การศึกษาบางชิ้นเชื่อมโยงสิ่งนี้กับมะเร็งปอดเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าพายุฝุ่นมีความเกี่ยวข้องกับการตายโดยไม่ตั้งใจและโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีเชื้อราที่อาศัยฝุ่นซึ่งอาจทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า ไข้หุบเขาที่เกิดขึ้นในรัฐแอริโซนาและแคลิฟอร์เนียและเกี่ยวข้องกับพายุฝุ่นในภูมิภาคเหล่านั้น”

ปูกล่าวว่าสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น แห้งแล้งขึ้น และพืชพันธุ์ที่ลดลงในแอฟริกาอาจก่อให้เกิดฝุ่นในอากาศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การปล่อยมลพิษเหล่านี้คาดเดาได้ยาก

"มีข้อสังเกตบางประการที่แสดงให้เห็นว่ามีฝนลดลงในแอฟริกาตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 20 ซึ่งบ่งชี้ว่าการทำให้แห้งจะมีการปล่อยฝุ่นมากขึ้น" เธอกล่าว "แต่ผลของแบบจำลองไม่ได้ให้ข้อสรุปว่าฝุ่นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอนาคต เอกสารบางฉบับพบว่าจะมีการปล่อยฝุ่นน้อยลง การศึกษาก่อนหน้านี้ของเราพบว่าอาจมีการเพิ่มขึ้นในภูมิภาคซาฮาราตอนใต้ในช่วงฤดูร้อน "

นอกจากนี้ ผู่กล่าวว่าความร่วมมือของระบบเจ็ทที่จำเป็นในการขนส่งฝุ่นข้ามมหาสมุทรนั้นคาดเดาได้ยากกว่า

“แม้ว่าคุณจะเพิ่มหรือลดการปล่อยมลพิษ หากไม่มีสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งฝุ่น ผลกระทบของฝุ่นต่อบริเวณใต้ลมนี้จะยากต่อการหาปริมาณ” เธอกล่าว "นอกเหนือจากการทำความเข้าใจกระบวนการปล่อยมลพิษในพื้นที่ที่มีแหล่งกำเนิดฝุ่นแล้ว เรายังต้องพิจารณาถึงรูปแบบการหมุนเวียนที่ช่วยให้เราคาดการณ์การขนส่งฝุ่นในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศในสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคอื่น ๆ ได้ ได้รับผลกระทบเช่นกันเพราะฝุ่นของแอฟริกาสามารถขนส่งไปยังอเมริกาใต้ ยุโรป และภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนได้”