พบมะเร็งศีรษะและคอชนิดใหม่สองชนิดย่อยของ HPV+

กรณีของมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับศีรษะและลำคอของมนุษย์ papillomavirus (HPV) หรือที่เรียกว่ามะเร็งเซลล์สความัสศีรษะและคอ (HNSCC) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา เล่นบาคาร่าน่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดเนื้องอกเหล่านี้ และสิ่งที่ทำให้เนื้องอกบางชนิดลุกลามและดื้อต่อการรักษาได้ดีกว่าเนื้องอกชนิดอื่น

เพื่อตรวจสอบว่าเหตุใดผู้ป่วยบางรายจึงตอบสนองต่อการรักษาด้วยรังสีได้ดีกว่าคนอื่นๆ นักวิจัยจาก Department of Otolaryngology/Head and Neck Surgery ของ UNC School of Medicine และ Lineberger Comprehensive Cancer Center ได้ร่วมมือกันอย่างจริงจังกับนักวิจัยที่ Yale Cancer Center, Yale Head and Neck Cancer โครงการพิเศษด้านการวิจัยความเป็นเลิศ (SPORE) และกลุ่มวิจัยมะเร็ง ECOG-ACRIN (ECOG-ACRIN)

พวกเขาร่วมกันตีพิมพ์ผลการศึกษาใหม่ในรายงานการประชุมของ National Academy of Sciencesซึ่งเผยให้เห็นว่ามะเร็งศีรษะและคอของ HPV+ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทย่อยที่แตกต่างกัน ซึ่งกำหนดว่าผู้ป่วยจะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีเพียงใด โดยประเภทย่อยหนึ่งจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยรังสีมากกว่า . นักวิจัยยังได้ค้นพบกลไกใหม่ของการเกิดมะเร็ง HPV ผ่านการศึกษา ซึ่งช่วยเพิ่มความพยายามในการปรับการรักษาผู้ป่วย HPV+ HNSCC ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น

เราเป็นคนแรกที่อธิบายสองประเภทย่อยนี้ จากการวิจัยนี้ เราสามารถระบุกลุ่มผู้ป่วยสองกลุ่มได้อย่างมั่นคง และสามารถเชื่อมโยงชนิดย่อยของเนื้องอกกับผลลัพธ์การรักษาได้"

Wendell Yarbrough, MD, MMHC, FACS, ศาสตราจารย์พิเศษด้านโสตศอนาสิกลาริงซ์วิทยา/ศัลยศาสตร์ศีรษะและคอของ Thomas J. Dark

ปัจจุบัน ผู้ป่วย HPV+ HNSCC จำนวนมากได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีในปริมาณสูงร่วมกับเคมีบำบัด แต่ผลข้างเคียงซึ่งรวมถึงพังผืดของกล้ามเนื้อ การกลืนลำบาก และการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง อาจคงอยู่ไปตลอดชีวิต การบำบัดเฉพาะบุคคลอาจช่วยให้แพทย์ด้านเนื้องอกวิทยาสามารถเลือกการรักษาที่ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วยได้ อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเรื่องยากสำหรับแพทย์ที่จะระบุประเภทและความรุนแรงของการรักษาโดยไม่รู้ว่าเนื้องอกของผู้ป่วยจะตอบสนองต่อการรักษาอย่างไร

เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ สมาชิกในทีมของ Yarbrough ซึ่งรวมถึง Travis Schrank, MD, PhD, Natalia Isaeva, PhD และ Wesley Stepp, MD, PhD ซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนรายงานฉบับนี้ ได้เริ่มประสานงานกลุ่มการวิจัยที่ UNC โดยคว้า ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และข้อมูลการตรวจสอบความถูกต้องบางส่วนจาก E1308 ซึ่งเป็นการทดลองทางคลินิกกลุ่มสหกรณ์ระดับชาติขนาดใหญ่ที่ดำเนินการผ่าน ECOG-ACRIN

จากนั้นพวกเขาวิเคราะห์ตัวอย่างเนื้องอกและระบุยีนที่แสดงออกร่วมกันหลายกลุ่ม ยีนที่แสดงออกร่วมเพียงยีนเดียวเท่านั้นที่แยกเนื้องอกด้วยการแสดงออกสูงและต่ำ และการวิเคราะห์ยีนในชุดนี้พบว่ายีนเหล่านี้เป็นตัวแทนของเป้าหมายของปัจจัยการถอดรหัสหลักที่เรียกว่า NF-kB NF-kB มีบทบาทสำคัญในการอักเสบและการตายของเซลล์ และมีความเกี่ยวข้องกับการก่อมะเร็งของ HNSCC

Antibodies eBook รวบรวมบทสัมภาษณ์ บทความ และข่าวเด่นในปีที่ผ่านมา

ดาวน์โหลดฉบับล่าสุด

นักวิจัยพบว่าทั้งสองชนิดย่อยที่แตกต่างกันมีความสัมพันธ์โดยตรงกับผลลัพธ์ของผู้ป่วยที่น่าประหลาดใจมาก เนื้องอกที่มีกิจกรรม NF-kB ต่ำสัมพันธ์กับการพยากรณ์โรคที่แย่ลง ในขณะที่เนื้องอกที่มีกิจกรรม NF-kB สูงสัมพันธ์กับการพยากรณ์โรคที่ดีกว่า

ชนิดย่อยที่ระบุโดยกิจกรรม NF-kB สูงหรือต่ำมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จากยีนที่กลายพันธุ์ในมะเร็ง ปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการกลายพันธุ์ จำนวนการกลายพันธุ์ต่อมะเร็ง การแสดงออกของยีน HPV การบูรณาการของ HPV เมทิลเลชั่นของยีน และการแทรกซึมของเซลล์ภูมิคุ้มกันบางชนิดเข้าไปในเนื้องอก

“เวสลีย์ สเต็ปป์ หนึ่งในผู้อยู่อาศัยที่ชาญฉลาดและเหนียวแน่นของเรา ซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนรายงานนี้ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการจัดระเบียบผู้ป่วยกลุ่มนั้นในกลุ่ม UNC” Schrank กล่าว “ทุกองค์กรที่ร่วมมือในโครงการวิจัยนี้ยินดีอย่างยิ่งที่จะร่วมงานกับเรา”

การอยู่รอดของผู้ป่วยเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนและสำคัญที่สุดระหว่างเนื้องอกทั้งสองประเภท เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นว่าเหตุใดประเภทย่อยหนึ่งจึงมีผลลัพธ์ที่ดีกว่า นักวิจัยได้สร้างแบบจำลองเซลล์ของแต่ละประเภทย่อยในห้องปฏิบัติการ

"เนื้องอกที่มีฤทธิ์ NF-kB สูงจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยรังสีได้ดีกว่าซึ่งอาจมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้ดีขึ้น" ยาร์โบรห์กล่าว "เรารู้ว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับการเปิดใช้งานวิถี NF-kB ที่ทำให้เนื้องอกมีความไวต่อการฉายรังสีมากขึ้น ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นมีชีวิตรอดได้ดีขึ้นได้อย่างไรและทำไม"

ท้ายที่สุดแล้ว ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อระบุผู้ป่วยที่สามารถลดความเข้มข้นของการรักษาได้อย่างปลอดภัย เพื่อรักษาเนื้องอก ลดผลข้างเคียง และเพิ่มคุณภาพชีวิต ขณะนี้นักวิจัยมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับกลไกใหม่ของการเกิดมะเร็ง HPV การค้นพบนี้อาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่เฉพาะบุคคลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีผลข้างเคียงน้อยลง