ประเทศไทยมีระบบการรักษาแบบแพทย์แผนโบราณของตนเองซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า การแพทย์แผนไทย ระบบนี้หยั่งรากลึกและมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมไทยมานานหลายศตวรรษ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่หลากหลายในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยได้นำไปสู่ระบบการดูแลสุขภาพในท้องถิ่นที่หลากหลาย ยานี้ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์จริงของหมอแต่ละคนในการวินิจฉัยและรักษาโรคโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ  ความรู้ทั่วไปเรื่องพิกุล  ปัจจุบันการแพทย์แผนไทยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมอยู่ในนโยบายสุขภาพแห่งชาติเพื่อลดการใช้ยาแผนตะวันตกซึ่งมีราคาแพงมาก ในปี พ.ศ. 2555 กระทรวงสาธารณสุขต้องการให้สถานพยาบาลระดับตำบลทำให้การแพทย์แผนโบราณคิดเป็นร้อยละ 10 ของค่ายาทั้งหมด ขณะเดียวกันการเพิ่มการใช้ยาแผนโบราณในโรงพยาบาลชุมชนน่าจะมีสัดส่วนร้อยละ 5 นอกจากนี้ แพทย์แผนโบราณอย่างน้อยหนึ่งคนจะทำงานในโรงพยาบาลชุมชน [1] เพื่อตอบรับนโยบายภาครัฐและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยโดยใช้แนวทางทางวิทยาศาสตร์ สถาบันการศึกษาหลายแห่งจึงได้จัดทำหลักสูตรและหลักสูตร 4 ปี ขึ้นเพื่อผลิตบัณฑิตที่มีระดับปริญญาตรี