ReadyPlanet.com
dot
dot
bulletCycle contest
bulletNew Motorcycle
bulletMotor sport
bulletCycle Care
dot
dot
bulletThai Honda
bulletThai Yamaha
bulletThai Suzuki
bulletKawasaki Motor
bulletVespa Thailand
bulletOKD Shock
bulletStallions Motorcycle
bulletDucati Thailand
bulletBMW Thailand
bulletHarley-Davidson Thailand
bulletTriumph Thailand
dot
dot
bullet101bike
bulletเล่าเกียงเซ้ง
bulletธีระมอเตอร์ไซเคิล
bulletPanom Racing
bulletPanda Rider
bulletดำรงค์ยางยนต์
dot

dot


เพิ่มเพื่อน
www.cycle-road.com


HONDA CBR1000RR-R Fireblade SP 30th Anniversary

2022 HONDA CBR1000RR-R Fireblade SP 30th Anniversary
รหัสซิ่งสายซ่า…ที่สุดแห่งยนตกรรมสายพันธุ์สปอร์ต

 
(>) ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตและมีใจรักในกีฬาความเร็ว เชื่อว่าหลายๆ คงนึกถึงรถแข่งที่วิ่งผ่านทางตรงมาด้วยความเร็วที่ทะลุเกินกว่า 300 กม/ชม และอาจจะมองไม่ทัน ซึ่งในปัจจุบันรถที่ทำความเร็วได้แบบนี้คงหนีไม่พ้นจากรถแข่งบนสังเวียน Moto GP และ WSBK โดยรถแข่งของแต่ละค่ายจะเน้นความแรง สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม พร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย แต่ถ้าหากเป็นรถแบบ Production Bike ที่มีความแรงแบบนี้มันจะมีรถซักกี่คันที่สร้างขึ้นมาเพื่อขายและสามารถนำไปลงแข่งขันได้เลย


(>) มาที่ค่ายรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งแดนอาทิตย์อุทัยอย่างฮอนด้า ที่คร่ำวอดการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ปี 1949 และต่อมาในปี 1964 ฮอนด้าก็กลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก  และพัฒนารถจักรยานยนต์สายพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมกับผู้ใช้งานมากที่สุด ซึ่งในยุคปัจจุบันวิวัฒนาการของรถจักรยานยนต์ฮอนด้ามีความก้าวล้ำไปมาก ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถออกแบบตัวรถโมเดลต่างๆ ให้มีความโดดเด่นและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่นเดียวกับรถตระกูล CBR สปอร์ตไบค์เรือธงที่มีประวัติอันยาวนาน และในครั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ HONDA CBR1000RR-R Fireblade SP 30th Anniversary รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาในจำนวนที่จำกัด


(>) เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาค่ายฮอนด้าได้เปิดตัว All New HONDA CBR1000RR-R Fireblade และ All New HONDA CBR1000RR-R Fireblade SP ภายใต้คอนเซ็ปต์ BORN TO RACE หรือ “เกิดมาเพื่อการแข่งขัน” มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่กะทัดรัด โฉบเฉี่ยว ดุดัน ซึ่งได้รับการอัพเกรดสมรรถนะให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้การขับขี่มีความสนุกมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากตัวแข่งรายการ MotoGP อย่าง RC213V และในปี 2022 ทางค่ายก็ได้เสริมทัพอีกหนึ่งรุ่นนั้นก็คือ “HONDA CBR1000RR-R Fireblade SP 30th Anniversary” โมเดลพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี ต้นกำเนิดของ CBR900RR Fireblade นับตั้งแต่ปี 1992 – 2022  ที่โดดเด่นด้วยสีสันแบบไตรคัลเลอร์ และลายกราฟิกของ CBR900RR Fireblade ในแบบ Original ซึ่งชุดแฟริ่งที่เราเห็นนั้นเป็นผลงานของ Mr. Hiroaki Tsukui ชายผู้อยู่เบื้องหลังความสวยงามของ Fireblade รุ่นดั้งเดิมในปี 1992 โดยฉายาของ Fireblade ถูกใช้ไปในความหมายของการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ การทรงตัวที่ยอดเยี่ยม และความสนุกสนานในการขับขี่ทั้งในสนามและนอกสนามในแบบฉบับ Born to Race  ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยังทำให้รถรุ่นนี้ก้าวขึ้นมาอีกเป็นรถซูเปอร์ไบค์แถวหน้าของโลกด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ จาก HRC หรือ Honda Racing Corporation


(>) แม้ว่าส่วนหลักๆ ของ HONDA CBR1000RR-R SP 30th Anniversary จะยังคงเหมือนเดิม แต่ซูเปอร์ไบค์เรือธงจากค่ายปีกนกรุ่นนี้ยังคงได้รับการปรับปรุงในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle By Wire (TBW)  ที่มีการปรับโหลดของสปริงให้น้อยลง เพื่อให้คันเร่งนั้นเนียนขึ้นและตอบสนองได้ดีขึ้นเวลาเปิดคันเร่ง ซึ่งการปรับปรุงในครั้งนี้เป็น Feed back หรือ เสียงสะท้อนจากทางนักแข่งจากทีมแข่ง HRC ที่ลงแข่งในรายการ WorldSBK รวมไปถึงนักแข่งที่ใช้ HONDA CBR1000RR-R SP ลงทำการแข่งขันรายการต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก  , ตัวแอร์บ็อกซ์และกรวยไอดีได้ปรับทรงใหม่ให้อากาศไหลได้คล่องตัวมากขึ้น พอร์ตไอดีเองก็ถูกปรับเพื่อให้เพิ่มความเร็วในการไหลของอากาศ , ปรับปรุงระบบแทร็คชันคอนโทรล หรือ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ให้ดียิ่งขึ้น , ช่องพอร์ตไอดีได้รับการแก้ไขให้แคบลงบางส่วนเพื่อเพิ่มความเร็วของกระแสลม , สเตอร์หลังเพิ่มขึ้น 3 ฟัน เป็น 43 ฟัน ,  ปรับปรุงสมรรถนะของระบบ Quick Shifter เพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วขึ้นและนุ่มนวลขึ้น , ปรับอัตราแรงบิดให้ลดลงจากเดิม 113 นิวตันเมตร เหลือ 112 นิวตันเมตรที่ 12,500 รอบ เพื่อให้มีแรงบิดใช้งานในย่านกลางมากขึ้น เช่นเดียวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่ยังคงใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และท่อไอเสีย Akrapovic Titanium แบบ 4-2-1 ที่ออกแบบใหม่ในส่วนตรงกลาง ดีไซน์ใหม่ น้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงในการระบายไอเสีย พร้อมโลโก้ 30th Anniversary และตรงแผงคอจะมี Serial  No. ตัวเลขระบุหมายเลขการผลิต


(>) การออกแบบภายนอกระบบแอโรไดนามิคจึงเป็นสิ่งเป็นสำคัญสำหรับทีมงาน R&D ที่จะต้องวิเคราะห์แรงลมปะทะ และการไหลเวียนของอากาศ ซึ่งตรงบริเวณกลางระหว่างไฟหน้าจะเป็นช่องแรมแอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งเทียบเท่ากับตัวแข่ง RC213V เพื่อรับอากาศเข้าไปสู่แอร์บ็อกซ์ก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์และขยายกรองอากาศใหม่เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดีกว่าเดิมถึง 25 % ชุดแฟริ่งเน้นการระบายอากาศได้รวดเร็ว ส่วนไฮไลท์สำคัญในการออกแบบก็คือปีกด้านข้างหรือ “Winglets” ที่ถ่ายทอดจากรถแข่ง MotoGP ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่ม Aerodynamic และสร้าง Downforce  หรือการสร้างแรงกด เพื่อทำหน้าที่ป้องกันช่วงหน้าลอยตัวขึ้นในช่วงความเร็วสูง รูปลักษณ์ภายนอกที่ยังคงกลิ่นอายของความเป็น CBR  เอาไว้เช่นเดิม ระบบไฟหน้าคู่แบบ LED  ตัว Windscreen ที่มีการปรับองศาจาก 45 องศา เป็น 35 องศา ช่วยลดแรงปะทะจากลมในทุกท่วงท่าของการขับขี่ หน้าจอเรือนไมล์แสดงผลแบบ  TFT (Thin Film Transistor) ขนาด 5 นิ้ว Full-Colour Display ที่สามารถปรับรูปแบบจอแสดงผลได้ถึง 5 แบบ (Digital, Analog, No Rev, Bar, Practice) 3 แบบ โดยใช้ปุ่มแฮนด์ทางฝั่งซ้ายรวมไปถึงฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย


(>) ตัวถังน้ำมันออกแบบให้มีความกระชับในขณะขับขี่ เบาะนั่งเป็นแบบแยกชิ้นหุ้มด้วยหนังสีดำ เบาะด้านท้ายจะเป็นสีน้ำเงินตามแบบฉบับดั่งเดิมของ CBR900RR Fireblade ในปี 1992  ติดตั้งกัดสะบัดแบบไฟฟ้าบริเวณแผงคอล่าง ไฟท้ายและไฟเลี้ยวเป็นแบบ LED บังโคลนหน้าออกแบบมาช่วยเรื่องแอโร่ไดนามิคด้วยเหมือนกัน ซึ่งสามารถช่วยลดแรงต้านอากาศได้ 0.270 อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือจะมีไม่มีช่องเสียบกุญแจ โดยจะเป็นระบบกุญแจอัจฉริยะ Honda Smart Key สตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ซึ่งวิศวกรชาวญี่ปุ่น ยูซูรุ อิชิกาว่า หัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนา หรือ Large Project Leader  ผู้ดูแลโปรเจกต์ HONDA CBR1000RR- R SP ให้คำตอบเกี่ยวกับระบบกุญแจว่า “เหตุผลนอกเหนือจากเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่แล้ว เราต้องการตัดพื้นที่ช่องเสียบกุญแจออกไป สืบเนื่องมาจาก การย้ายแรมแอร์มาอยู่ตรงกลางตามแบบฉบับรถแข่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดเหมือนกับที่ใช้ในตัวแข่ง RC213V  ถ้ายังมีช่องเสียบกุญแจอยู่ มันจะขวางทางช่องแรมแอร์” ซึ่งทางค่ายได้ย้ายปุ่มกดสตาร์ทจากด้านบนไปอยู่ซ้ายมือใต้แผงหน้าปัดเรือนไมล์  


(>) ชุดเฟรมหลักของรุ่นนี้มาในสไตล์  Diamond  สร้างด้วยวัสดุ Aluminium หนา 2 มม ที่ปรับความสมดุลและความแข็งแรงของเฟรมในแนวตั้งและแรงบิดเพิ่มขึ้น 18% และ 9% ส่วนความแข็งแรงของเฟรมแนวนอนลดลง 11%  ซับเฟรมด้านท้ายใช้วัสดุอะลูมิเนียมที่เน้นน้ำหนักเบา ในขณะที่ค่า CG สูงช่วยเพิ่มความคล่องตัว และกระจายน้ำหนักตั้งไว้ที่ 53% / 47% จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง รวมถึงสวิงอาร์มหลังแบบใหม่ที่สร้างจากอะลูมิเนียมหนา 18 ชิ้น ยาวขึ้นกว่าเดิม 30.5 มม แต่มีน้ำหนักเท่ากับรุ่นก่อนหน้านี้ ความแข็งแนวนอนของสวิงอาร์มลดลง 15% พร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งในแนวดิ่งเพื่อรักษาความรู้สึกและการยึดเกาะให้ดีขึ้น ดีไซน์แบบเดียวกับใน RC213V-S  มิติของตัวรถจะมีความยาว 2,100 มม กว้าง 745 มม  ยาว 1,440 มม เบาะนั่งสูง 830 มม ปรับระยะห่างของฐานล้อจากเดิม 1,455 มม เป็น 1,460 มม (เนื่องจากการเพิ่มสเตอร์หลัง) ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 115 มมน้ำหนักรถ 201 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 16 ลิตร  


(>) หัวใจสำคัญของรถจักรยานยนต์นั้นก็คือระบบเครื่องยนต์ ซึ่ง CBR1000RR-R Fireblade SP 30th Anniversary ได้รับการอัพเกรดระบบภายใหม่หลายจุด โดยใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับรถแข่ง MotoGP และรถ Production Bikeในรุ่น RC213V-S ที่โดดเด่นในเรื่องของการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูง และมีค่าแรงเสียดทานในระบบที่ต่ำ ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ใช้ก้านสูบแบบไทเทเนียม, แหวนลูกสูบไทเทเนียม และลูกสูบอะลูมิเนียมฟอร์จที่เบากว่าเดิม 5% พร้อมด้วยเทคโนโลยี Piston-Jet,  แคมชาร์ฟแต่งองศาสูง HRC,  การเคลือบสาร Diamond Like Carbon (DLC) ที่ช่วยลดความร้อนจากแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์, วาล์วไอดีมีขนาด 32.5 มม และวาล์วไอเสียมีขนาด 28.5 มม อีกทั้งยังให้พละกำลังของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นถึง 13 เปอร์เซ็นต์  นอกจากนี้ตัวเครื่องยนต์ยังออกแบบให้มีการระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น โดยตัวกระบอกสูบจะมีบายพาสด้านล่างหมุนเวียนน้ำหล่อเย็นจากหม้อน้ำไปยังเสื้อสูบเพื่อลดปัญหาการสะสมความร้อนภายใน พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนใหม่แบบ Built-in bottom bypass cooling


(>) ตัวเครื่องยนต์ยังคงเป็นแบบ Inline - 4 หรือ 4 สูบเรียง 4 จังหวะ 16 วาล์ว DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ปริมาตรของเครื่องยนต์ 999.9 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก =  81มม. x 48.5 มม (รุ่นก่อนหน้านี้ =76 x 55.1 มม)  ปรับอัตราส่วนกำลังจาก 13.0 : 1 เป็น 13.4 : 1 จ่ายน้ำมันด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ PGM-DSFI เรือนลิ้นเร่งขนาด 52 มม ให้พละกำลังสูงสุด 214 แรงม้า ที่ 14,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตันเมตร ที่ 12,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ระบบคลัทช์แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง พร้อมด้วยระบบ Quick Shifter Assist Up & Down Shift ระบบเปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งขึ้น-ลง โดยไม่ต้องกำคลัทช์ สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยระบบไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยชุดโซ่สเตอร์ ท่อไอเสียแบบ 4-2-1 แบบไทเทเนียมพัฒนาร่วมกับ Akrapovic ให้สอดคล้องกับวาล์วไอเสียที่ช่วยเพิ่มพละกำลังในรอบต่ำและรอบสูง อีกทั้งยังผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5 เป็นที่เรียบร้อย


(>) อีกหนึ่งจุดเด่นของค่ายนี้ก็คือการรวมเอาเทคโนโลยีต่างๆ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่มาใส่ไว้ในรถสปอร์ตคันนี้แบบเต็มพิกัดไม่ว่าจะเป็นระบบ Inertial Measurement Unit (IMU) เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว  6 แกน (รุ่นเก่ามี 5 แกน)ที่คอยเก็บข้อมูลการขับขี่ส่งผ่านไปยังกล่องข้อมูล ECU เพื่อประมวลผลไปยังระบบอิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ ของตัวรถเพื่อควบคุมเสถียรภาพของการขับขี่ให้มั่นคงและปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ระบบควบคุมอัตราแรงบิดของเครื่องยนต์และการส่งแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหลังเพื่อปรับรูปแบบการขับขี่ ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่สามารถปรับได้ 9 ระดับ, ระบบ Engine Brake (EB) ระบบควบคุมการเบรคจากเครื่องยนต์ที่ปรับได้ 3 ระดับ,  ระบบ Power Mode (P) ระบบตั้งค่าของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับแรงบิดของคันเร่งปรับได้ 5 ระดับ, ระบบ Wheelie Control ระบบป้องกันล้อหน้ายก ปรับได้ 3 ระดับ,  ระบบ Launch Control (LC) ระบบล็อครอบเครื่องช่วงออกตัวแบบรถแข่ง, ระบบ Cornering ABS  เซนเซอร์ตรวจวัดองศาการเอียงของรถในขณะเข้าโค้ง เพื่อควบคุมและกำหนดแรงดันน้ำมันเบรคให้เหมาะสมทั้งล้อหน้า-ล้อหลัง, ระบบ Rear-lift control ระบบช่วยป้องกันล้อหลังยก,  คันเร่งไฟฟ้าแบบ Ride By Wire,  เพิ่มลูกเล่นด้วยระบบองศาการเอียงของตัวรถ, โหมดการขับขี่ 3 โหมด Track , Sport และ Comfort, ระบบ Honda Electronic Steering Damper (HESD) กันสะบัดไฟฟ้าของ SHOWA ที่ได้รับการออกแบบให้มีการก้านสูบมีน้ำหนักที่เบา ควบคุมการทำงานไปยังระบบเซ็นเซอร์ความเร็วล้อและระบบ IMU และสามารถปรับได้ 3 ระดับ


(>) นอกจากนี้ ระบบ Riding Mode ยังมาพร้อมกับระบบ Start Control Mode โหมดเริ่มต้นสำหรับการแข่งขัน โดยจำกัดรอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 6,000, 7,000, 8,000 และ 9,000 รอบต่อนาที ซึ่งจะเป็นการควบคุมรอบเครื่องให้อยู่ในระดับที่คงที่ ถึงแม้จะมีการบิดคันเร่งแบบเต็มแรง ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการควบคุมคลัทช์ได้อย่างเต็มที่ พร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ที่สามารถปรับฟังก์ชั่นการทำงานของ Power Selector (P), HSTC (T), Engine Brake (EB), Wheelie Control (W) เพื่อรองรับการขับขี่ได้หลายรูปแบบ ได้ตามความต้องการ และพิเศษสำหรับรุ่นนี้มีระบบช่วงล่างที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าของ ?HLINS แบบ  Smart Electronic Control (S -EC) ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่สอง


(>) ระบบช่วงล่างของรถซูเปอร์สปอร์ตในทุกวันนี้มีการพัฒนาไปอย่างมาก โดยแต่ละค่ายจะปรับปรุงทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน ซึ่งรถสไตล์นี้เน้นการซับแรงกระแทกและการคืนตัวที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการคุมรถบนความเร็วย่านสูงๆ การพลิกสลับกับการเลี้ยวรถอย่างฉับไว ซึ่งช็อคอับ CBR1000RR-R SP 30th Anniversary ด้านหน้าเป็นช็อคอับแบบ Upside Down ของสำนัก ?HLINS รุ่น NPX Smart-EC แบบปรับไฟฟ้า  หรือ Smart Electronic Control (S -EC) มีขนาด 43มม ผิวแกนเป็นสีทองแบบเดียวกับตัวแข่งระดับ Moto GP โดยจะเรียกย่อๆ ว่า TiN หรือ Titanium Nitride “ไททาเนี่ยม ไนไตรด์” มีระยะการทำงาน 125 มม สามารถปรับค่าได้ทั้ง Spring Preload, Compression and Rebound Damping  ส่วนด้านหลังเป็นช็อคอับแบบไฟฟ้าเช่นกันของ ?HLINS รุ่น TTX36 Smart-EC มีระยะการทำงาน 143 มม สามารถปรับตั้งค่าได้ทั้ง Spring Preload, Compression and Rebound Damping เช่นเดียวกับด้านหน้า


(>) ระบบเบรคด้านหน้าเป็นจานเบรคแบบคู่มีขนาด 330 มม มีความหนา 5 มม ช่วยกระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาลิเปอร์เบรค BREMBO  รุ่น Stylema แบบ Radial Mount  ขนาด 4 ลูกสูบ ด้านหลังเป็นจานเบรคเดี่ยวแบบตายตัวขนาด 220 มม คาลิเปอร์เบรค BREMBO 2 ลูกสูบ เป็นแบบเดียวที่ใช้กับ RC213V-S พร้อมกับระบบ ABS 2 Channel ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยระบบ ABS ทำงานร่วมกับระบบ HSTC โดยจะควบคุมการทำงานของล้อหลังโดยเฉพาะ สามารถเลือกปรับได้ 2 แบบ คือแบบขับขี่ทั่วไป (Sport) หรือแบบขับขี่ในสนามแข่ง (Track)  ชุดวงล้อหน้า / หลังเป็นล้ออัลลอยขนาด 5 ก้านแยกเป็นตัว Y ด้านหน้าขนาด 3.50 x 17 นิ้ว ยางหน้า 120 / 70 ZR 17 นิ้ว ล้อหลัง 6.50 x 17 นิ้ว ยางหลัง 200 /55 ZR 17 นิ้ว รัดด้วยยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP นอกจากนี้ทางค่ายยังมีอุปกรณ์เสริมของแท้ของฮอนด้าที่มีให้เลือกมากมายอาทิเช่น ฝาครอบแอร์บ็อกซ์คาร์บอน , แฟริ่งครอบเครื่องชิ้นล่างแบบคาร์บอน , บังโคลนหน้าคาร์บอน , บังโคลนหลังคาร์บอน , ครอบเบาะหลังสีตนงกับตัวรถ , ฝาครอบเฟรม , ฝาครอบสเตอร์หลัง , Windscreen หน้าทรงสูง (smoked and clear) , แผ่นรองถัง , เบาะอาคันทาร่า , ฝาเติมน้ำมันเครื่อง HRC , สติ๊กเกอร์ติดล้อ , ปลั๊กไฟ USB , กระเป๋าติดถังน้ำมัน 7 ลิตร , กระเป๋าที่นั่งด้านหลังแบบขยายได้ 15-22L และผ้าคลุมรถทั้งภายในและภายนอก


(>) ถ้าจะบอกว่าค่ายรถฮอนด้าคือค่ายรถที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็คงจะไม่ผิดแปลกอะไร เพราะถือว่าเป็นค่ายรถที่อยู่คู่กับคนใช้รถมาอย่างยาวนาน และเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่ทางค่ายได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีสุดล้ำจากรุ่นสู่รุ่น จากสนามแข่งสู่ท้องถนน สานต่อมายัง HONDA CBR1000RR – R Fireblade SP 30th Anniversary สุดยอดรถซุปเปอร์สปอร์ตพันธุ์แกร่งที่พร้อมจะทะยานไปกับคุณทุกเส้นทาง อีกทั้งมันยังเป็นรถที่ก้าวข้ามขีดจำกัดจากอดีตมาสู่ยุคใหม่ได้อย่างภาคภูมิใจ


(>) สำหรับสาวกตัวยงของค่ายนี้เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการรอคอยเป็นอย่างยิ่ง “มาแบบครบและจบในคันเดียว” ด้วยเทคโนโลยีในระดับเดียวกับที่ใช้บนรถแข่ง MotoGP อย่าง RC213V และรถ Production Bike ในรุ่น RC213V - S พร้อมความ Limited Eidition ในแบบที่ไม่ได้มีมาบ่อยๆ กับการผลิตขึ้นมาในจำนวนที่จำกัด




Cycle Road News...

"ไทยยามาฮ่า" ปรับแผนส่ง "รัฐพงษ์" บิดแทน "อภิวัฒน์"
YAMAHA R3 bLU cRU Thailand​
Yamaha Grand for Good
์New Yamaha R15 Conneted
เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต
Yamaha Rev’n Ride
Yamaha Finn Fest 2023
YAMAHA R15 Connected
Songkran Safe & Save 2566
Yamaha Yacht party
ยามาฮ่าคว้ารางวัลการออกแบบและดีไซน์บูธ
Honda Motor Show 2023
Yamaha Motor Show 2023
Yamaha Fazzio Hybrid
ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม
H-Sem MOBILA-G article
YAMAHA THAILAND RACING TEAM
กวาร์ตาราโร่ MotoGP 2023 article
“ยามาฮ่า” รุกต่อเนื่องตลาดรถจักรยานยนต์ไทย
Champing Trip article
Bridgestone Battlax Trackday 2023 article
2023 YZ450F
Yamaha Finn article
Bridgestone Battlax Trackday 2023 article
Yamaha AEROX Y-Connect
YAMAHA XMAX CONNECTED
Yamaha XSR900
New Rebel 500
YAMAHA Belle
Yamaha YZF-R3
ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย
ยามาฮ่า คุ้มชัวร์ ต่อที่2 โปรโมชั่นคืนกำไรส่งท้ายปี
YAMAHA XMAX CONNECTED article
Yamaha Riding Academy
New XMAX Connected บุกตลาดออโตเมติกคลาส 300
ยามาฮ่าฉลองปิดบูธมอเตอร์เอ็กซ์โป 2022 ปิดจ๊อบยอดถล่มส่งท้ายปี 1,461 คัน
JOMTHAI (ตราพระอาทิตย์) article
NEW YAMAHA XMAX CONNECTED article
YAMAHA WR155R article
GRAND FILANO article
Honda GROM
ฺBMW F850 GS
YAMAHA FAZZIO
ไทยยามาฮ่า
DUCATI Panigale V4 SP2
New Yamaha TY-E 2.0
YAMAHA NEO's
YAMAHA Tenere 700
YAMAHA E01
HONDA CBR1000RR-R Fireblade SP 30th Anniversary
แถลงนโยบายการตลาดยามาฮ่า
YAMAHA X - Max300
YAMAHA Tmax500
KAWASAKI KSR 110
YAMAHA MT-10 SP
Cycle Trip
YAMAHA YZF-R7
Yamaha MotorExpo2021 article
All New NC750X
Valentino Rossi
BMW S1000RR
GRAND FILANO HYBRID
NEW YAMAHA YZF-R3
Yamaha GT125
YAMALUBE AT PREMIUM PLUS
Yamaha MT-15
ยามาฮ่า เปิดตัวรถใหม่ article
New Wave125i
ยามาฮ่า ตอกย้ำผู้นำเทรนด์ดิจิทัล article
ฮอนด้าเปิดตัว 4 โมเดลใหม่ article
Yamaha FINN
All New YAMAHA AEROX article
ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ แถลงนโยบายปี 2564
ฮอนด้าผงาดแชมป์ดาการ์ แรลลี 2021
All New PCX160 article
New Yamaha NMAX
SUZUKI GSX-R1000
“เวียร์-เบลล่า”
New Honda CBR650R
ความสำเร็จ "ยามาฮ่า"
Vespa Primavera S 150 article
2020 MotorExpo
MotoGP Live article
MotoGP R.13 article
WAVE RUNNER article
All New Scoopy article
แจกฟรี ถ้าคุณขี่รถยามาฮ่า article
YAMAHA MT-15 article
CRF300 Series
โช้คอัพ OKD
XSR155 Sport Heritage District article
BMW R18
MotoGP Live article
MotoGP Live article
New Honda GROM article
Automatic is NOW! Festival
GPX + SYM
ฟินน์ กล้า...ท้าประหยัด
Moto Review article