ReadyPlanet.com
dot
dot
bulletCycle contest
bulletNew Motorcycle
bulletMotor sport
bulletCycle Care
dot
dot
bulletThai Honda
bulletThai Yamaha
bulletThai Suzuki
bulletKawasaki Motor
bulletVespa
bulletGPX
bulletHSEM
bulletDucati
bulletBMW Thailand
bulletHarley-Davidson Thailand
bulletTriumph Thailand
dot
dot
bulletJomthai Asahi
bulletIRC Tire
bulletDID / ELF / STANLEY
bulletCastrol
bulletIDEMITSU
bulletฺBRIDGESTONE
dot

dot


เพิ่มเพื่อน
www.cycle-road.com


YAMAHA Tenere 700

2022 YAMAHA Tenere 700 World Raid
สัมผัสเสน่ห์แห่งการผจญภัยที่แตกต่างไปจากเดิม


(>) ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย รถมอเตอร์ไซค์ที่สามารถตอบโจทย์การขับขี่ท่องเที่ยวมากที่สุดนั้นก็คือรถประเภททัวร์ริ่ง และ สไตล์แอ็ดเวนเจอร์ ซึ่งครอบคลุมการขับขี่ทั้งแบบทางเรียบและทางลุยฝุ่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายด้วยสไตล์ของตัวรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อนักเดินทางที่ชอบความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการขับขี่ ประโยชน์ใช้สอยต่างๆ ที่ง่ายดาย พร้อมกับเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ทันใจ และครั้งนี้ในคอลัมน์ SPECIAL SCOOPเราขอหยิบยกเรื่องราวของรถสายลุยพันธุ์โหดจากค่ายส้อมเสียงมาให้ได้สำผัสกันอีกครั้งกับรถตระกูล Tenere


(>) รถมอเตอร์ไซค์สายลุยจากค่ายยามาฮ่าล้วนถือกำเนิดเกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยอย่างแท้จริง  มันอยู่ในสายเลือดตั้งแต่เข้าร่วมในการแข่งขันรายการแรลลี่หฤโหดอย่าง ปารีส-ดาการ์ ในช่วงปลายปี 1978 ถึงต้นปี 1979 จากรุ่น XT500 ส่งต่อมายังรุ่น  XT600Z Tenere  ในปี 1983 และถือเป็นการเปิดตำนานบทแรกของรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ Adventure จากค่ายยามาฮ่านับตั้งแต่นั้นมา


(>)  YAMAHA Tenere 700 หรือเรียกสั้นๆ ว่า T7 โมเดลที่ถูกถ่ายทอด DNA มาจากรุ่นพี่อย่าง Super Tenere หรือ XT1200Z  ซึ่งทางค่ายยามาฮ่าได้ให้คำนิยามของเจ้า T7 ว่า “Versatile Agile Globetrotter” หรือ “รถที่ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์” มีความปราดเปรียว และสามารถไปได้ทุกที่ทั่วโลก แต่ในแถบอเมริกาเรียกอีกอย่างว่า “ Rally-bred Dual Sport” ซึ่งมันเป็นรถสไตล์ On - Off Road ที่สามารถลุยได้ทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแบบธรรมชาติ หรือขับขี่ในเมืองก็ดูหล่อและเท่ห์ไปซะทุกมุมมอง อีกทั้งยังการันตีด้วยรางวัล “iF Design Awards 2020 หรือ International Forum Design” รางวัลด้านการออกแบบที่ยกให้ Tenere 700 เป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัดลงตัวในทุกๆ ส่วน  และใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วตามคอนเซ็ปต์ Adventure ยุคใหม่ ปรับลุคให้โดดเด่นในสไตล์แรลลี่


(>) หลังจากที่เปิดตัว Tenere 700 มาได้ซักระยะ ทางค่ายก็ต่อยอดความสำเร็จด้วยการส่งโมเดลพิเศษที่มีรหัสต่อท้าย “Rally Edition” ซึ่งในรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจรุ่น XT600Z  ที่ใช้ในการแข่งขัน Paris - Dakar ยุค 80s หรือเมื่อปี 1983 และ 1984 ขับขี่โดย Jean-Claude Olivier และ Serge Bacou และในปี 1983 นั้นถือว่าเป็นการสร้างชื่อให้กับทางค่ายยามาฮ่าอย่างแท้จริง ที่สามารถขับขี่รถข้ามทะเลทราย Tenere ได้สำเร็จ   และล่าสุดในปี 2022 ทางค่ายยามาฮ่ายังคงสานต่อความสำเร็จของโมเดล Tenere 700 อีกครั้งด้วยการเสริมทัพรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่นย่อยนั้นก็คือรุ่น “Tenere 700 Raid Prototype” ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Genuine Yamaha Technology Racing (GYTR) และรุ่น “Tenere 700 World Raid” ที่ผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายทั่วโลกในเดือนพฤษภาคมนี้


(>) สำหรับในรุ่น Tenere 700 World Raid ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซปต์  “The Next Horizon is Yours” ซึ่งทางค่ายเน้นพัฒนารถรุ่นนี้เพื่อตอบการใช้งานที่เปลี่ยนไปจากเดิม มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมกับนำพาคุณออกไปผจญภัยกับเส้นทางที่ไร้ขอบเขต สำหรับ Tenere 700 World Raid ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่าง Genuine Yamaha Technology Racing (GYTR) หรือ ฝ่ายคิดค้นและพัฒนา ชุดพาร์ท และอุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพของทางยามาฮ่า ที่คิดค้นพัฒนาทั้งทางฝุ่นและทางเรียบมากว่า 40 ปี รวมไปถึงสองแบรนด์แอมบาสเดอร์ของโมเดลนี้อย่าง Pol Tarres และ Alessandro Botturi สองผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในวงการสองล้อทางฝุ่นมามากกว่า 15 ปี

 


(>) การออกแบบตัวรถทางค่ายมุ่งเน้นไปที่ “Adventure-Focused Ergonomics” หรือ การยศาสตร์ที่เน้นการผจญภัย รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบที่มีความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวตามหลักสรีรศาสตร์ และความดุดันแบบฉบับรถแรลลี่ ชุดไฟหน้าแบบ LED 4 ดวงพร้อมด้วยไฟ (DRL) Daytime Running Lights ด้านล่าง ส่วนไฟเลี้ยวและไฟท้ายเป็นแบบ LED เช่นกัน เหนือขึ้นไปเป็นชิวด์บังลมแบบใสสามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้ด้วยมือ 15 มม  รวมไปถึงการ์ดบังลมด้านข้างไฟหน้าที่ช่วยลดแรงลมที่จะเข้ามาปะทะกับตัวผู้ขับขี่และช่วยในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ พร้อมกับบาร์สำหรับยึดติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น GPS ตัวเรือนไมล์แบบดิจิตอล หน้าจอแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว ขนาดกะทัดรัด มาในสไตล์แนวตั้งที่บอกอัตราความเร็ว,รอบเครื่องยนต์, ตำแหน่งเกียร์, ระยะทาง / Tip  1 - 2, อุณหภูมิของเครื่องยนต์, อุณหภูมิภายนอก, นาฬิกา, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, สัญญาณไฟต่างๆ  รวมทั้งสามารถเลือกการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ และสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น MyRide ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบข้อมูลโดยละเอียด เช่น สถิติการขับขี่ , ระยะทางที่เดินทาง , ระดับความสูง , ความเร็วสูงสุด , อัตราเร่งและมุมเอียง เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถบันทึกเส้นทาง , เพิ่มภาพ และ แบ่งปันบนเครือข่ายสังคมผ่านอุปกรณ์ iOS หรือ Android ได้ง่ายดายขึ้น


(>)  บริเวณใต้เรือนไมล์ฝั่งขวาจะมีช่องชาร์จไฟขนาด 12 V แบบ USB มาให้เพื่อต่อเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตัวแฮนด์บังคับเป็นแบบ T-Bar จับยึดกับแผงคอด้านบนด้วยตุ๊กตาแฮนด์โน้มมาทางด้านหลังเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกไม่เมื่อยล้าเวลาขับทางไกล และช่วยผ่อนแรงในการควบคุมทั้งในทาง On Road และ Off Road พร้อมเสริมการ์ดแฮนด์สีดำที่ป้องกันกิ่งไม้ หิน มาโดนมือ หรือ ในกรณีที่รถล้ม ถัดลงมาเป็นชุดกันสะบัดจาก Öhlins ที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานได้ง่าย และสามารถปรับได้มากถึง 18 ระดับ ตัวถังน้ำมันออกแบบใหม่ ซึ่งเป็นถังน้ำมันแบบคู่มีขนาดความจุ 23 ลิตร ใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 7 ลิตร ช่วยให้ขับขี่เดินทางไปได้ไกลยิ่งขึ้น โดยทางค่ายเคลมมาว่าน้ำมัน 1 ถังสามารถขับขี่เดินทางได้ไกลกว่า 500 กิโลเมตร อีกทั้งการออกแบบถังน้ำมันยังคงคำนึงถึงจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่ต่ำ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น ตัวเบาะนั่งเป็นแบบ 2 ตอนแถวยาวที่เน้นความสบายในขณะขับขี่ทางไกล รวมไปถึงการขยับเข้า – ออก เพื่อให้กระชับในการยืนขับขี่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Flat Rally


(>) นอกจากนี้ยังมี  Features อื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม อาทิ ระบบเบรค ABS แบบใหม่ ที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้มากถึง 3 โหมด โดยโหมด 1 คือการทำงานแบบเต็มพิกัดทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เหมาะกับการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป โหมด 2 คือ ทำงานเฉพาะที่ล้อหน้า เหมาะกับการขับขี่บนทางกรวด หรือทางดินร่วน และโหมด 3 จะปิดหมดทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เพื่อให้คุณลุยได้อย่างเต็มที่เวลาขับขี่แบบ Off Road  บังโคลนหน้าแบบปรับได้ตำแหน่ง (5 มม) ระบบโช้คอัพด้านหน้า / หลัง อัพเกรดใหม่ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ออกแบบห้องอากาศภายในใหม่เพื่อป้องกันฝุ่นและเศษหินหรือดินต่าง ๆ  ชุดแฟริ่งด้านหน้าออกแบบให้มีความทนทานสูงเพื่อรับรับการขับขี่ที่สมบุกสมบันยิ่งขึ้น  ชุดพักเท้าออกแบบให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งช่วยกระจายแรงกดที่เท้าเวลายืนขับขี่ในเส้นทางวิบาก ป้องกันการสะสมของโคลนและทราย ทำให้ขับขี่ได้สบายมากยิ่งขึ้น และสามารถถอดยางรองพักเท้าออกได้อีกด้วย ฝาครอบเครื่องยนต์แบบอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปใหม่ มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงยิ่งขึ้น  การ์ดบังครีบแผงหม้อน้ำออกแบบใหม่ ให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันเศษหินหรือเศษอื่น ๆ ที่จะกระเด็นเข้าจากทางด้านหน้าเครื่องยนต์รหัส CP Series ขับขี่สนุกและเร้าใจ พร้อมโครงสร้างแบบ Lightweight


(>) พื้นฐานเของเครื่องยนต์ที่ติดตั้งเป็นแบบเดียวกับรุ่น MT-07 และ รุ่น Tracer 700 รุ่นมาตรฐาน ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ Crossplane  Crankshaft (CP2) ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องยนต์รหัส CP Series ที่มีคาร์แร็คเตอร์ที่โดดเด่น ได้รับการพัฒนามาจากรถแข่ง MotoGP  อย่าง YZR-M1 ซึ่งเป็นการเรียงลำดับการจุดระเบิดไม่เหมือนเครื่องยนต์ทั่วไป โดยเรียงลำดับตามองศาที่แตกต่างกันไป พูดง่ายๆ ก็คือเครื่องยนต์แบบ Crossplane Crankshaft มีการใช้ลูกเพลาลูกเบี้ยวหรือแคมชาร์ฟองศาต่างกันในแต่ละสูบ  โดยลูกสูบตัวที่แรกใช้แคมองศาต่ำ และลูกสูบตัวที่สองจะใช้องศาสูง  เพื่อให้มีแรงบิดทั้งรอบต่ำและรอบสูง อีกทั้งยังลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์อีกด้วย


(>)  สำหรับตัวเครื่องยนต์มีขนาด 698 ซีซี แบบ 4 จังหวะ 2 สูบ  8 วาล์ว (4 วาล์ว/ลูกสูบ) ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 80.0 มม  x 68.6 มม อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 11.5:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที และให้กำลังแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 68 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที  ซึ่งผู้ขับขี่จะรู้สึกถึงอัตราเร่งที่จิ๊ดจ้านของรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ และทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุกและเร้าใจมากยิ่งขึ้น ระบบเกียร์เป็นแบบ 6 สปีด ระบบคลัทช์เป็นแบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง สตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยชุดโซ่และสเตอร์ นอกจากนี้ตัวเครื่องยนต์ยังได้รับการปรับปรุงในส่วนของระบบ ECU ใหม่ พร้อมทั้งระบบอัดอากาศและระบบไอเสียใหม่ ทำให้มีอัตราแรงบิดดีกว่าเครื่องยนต์แบบสองสูบแบบทั่วไป นอกจากนี้ตัวเครื่องยนต์ยังมีอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่ต่ำ ทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นอีกด้วย


(>) อีกจุดเด่นของเจ้า T7 ที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่หน้าตาที่หล่อเหลาเพียงอย่างเดียว แต่มันยังคงบ่งบอกตัวตนที่ชัดเจนในรูปแบบของการขับขี่แบบ Off – Road แบบเต็มขั้น 100% มาพร้อมกับการควบคุมรถที่คล่องตัว ซึ่งเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ ด้วยตำแหน่งการขับขี่ที่ช่วยควบคุมรถได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบโครงสร้างใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นแบบ “Lightweight double cradle tubular steel frame”  หรือโครงสร้างเหล็กแบบคู่ที่มีน้ำหนักเบา โดยวางจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถไว้ตรงกึ่งกลางเพื่อให้มีความสมดุล  เน้นความยืดหยุ่น แข็งแรง ซึ่งจะทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความคล่องตัวและควบคุมรถไปในทิศทางๆ ต่างได้ง่ายขึ้นนั้นเอง รวมไปถึงตัวสวิงอาร์มหลังที่เน้นความแข็งแรงมั่นคงมากขึ้น เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและคุณภาพในการยืดหยุ่นที่ยอดเยี่ยมในขณะขับขี่บนเส้นทางแบบ On Road และ Off Road ส่วนมิติของตัวรถมีความยาว x กว้าง x สูง = 2,370 x 905 x  1,455 มม ความสูงของเบาะ 875 มม ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 240 มม  ความยาวของฐานล้อ 1,595 มม ความจุของถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 23 ลิตร และน้ำหนักโดยรวม 220 กิโลกรัม  เติมเต็มการขับขี่ในสไตล์ Touring Adventure แบบเต็มขั้น


(>) รถสไตล์ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์ หรือ รถที่พร้อมสำหรับการเดินทางมักจะได้เปรียบกว่ารถที่ใช้งานทั่วไป ด้วยตัวรถที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน โดยที่บางครั้งไม่ได้เน้นไปให้ถึงจุดหมายได้รวดเร็ว แต่เน้นเสพอรรถรสของการขับขี่โดยเฉพาะเส้นทางพิเศษ หรือ ทางแบบแอดเวนเจอร์ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบ Up Side Down มีขนาด 43 มม จากค่าย KAYABA หรือ KYB ที่ปรับปรุงทั้งภายในและภายนอกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน พร้อมเคลือบด้วยสาร Kashima เพื่อเพิ่มความทนทานและลดแรงเสียดทานจากภายใน อีกทั้งยังเน้นการซับแรงกระแทกและการคืนตัวที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการคุมรถบนความเร็วย่านสูงๆ การพลิกสลับกับการเลี้ยวรถก็ทำได้อย่างงายดาย สามารถปรับตั้งได้ทั้งค่าการทำงานต่างๆ ได้ทั้ง Preload, Rebound และ Compression มีระยะการทำงาน 230 มม ซึ่งมากกว่า Tenere 700 รุ่นมาตรฐานถึง 20 มม  ส่วนด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวของ KAYABA เช่นกันได้รับการออกแบบใหม่ สามารถปรับตั้งค่าการทำงานได้ตามความชอบอาทิ Preload, Rebound และ Compression แบบ Hi Speed และ Low Speed โดยออกแบบมาให้สามารถซับแรงได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสภาวะการขับขี่ทั้งการขับขี่แบบ Off Road และ On Road มีระยะการทำงาน 220 มม ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียมที่เน้นความแข็งแรง และน้ำหนักที่เบา


(>) ในส่วนของระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกคู่ จานเบรกเป็นแบบโฟลทติ้งกึ่งลอยตัวมีขนาด 282 มม คาลิเปอร์ BREMBO ขนาด  2 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 245 มม คาลิเปอร์เบรก BREMBO ขนาด 1 ลูกสูบ พร้อมด้วยระบบเบรก ABS หรือ ระบบ Anti-Lock Brake System ที่ล้อหน้า / หลังเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ นอกจากนี้ยังสามารถปิด – ปิด ระบบเบรก ABSได้อีกด้วย ชุดวงล้อหน้าและล้อหลังเป็นล้อมาตรฐานสำหรับรถแบบ Off - Road  หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นล้อชนิดเดียวกับรถสูตรโมโตครอสและรถเอนดูโร่ ซึ่งล้อหน้ามีขนาด 21 นิ้ว และล้อหลังมีขนาด 18 นิ้ว วงล้อผลิตจากอลูมิเนียมขึ้นด้วยซี่ลวด ล้อหน้ามีความกว้างขนาด 2.50 นิ้ว และล้อหลังมีความกว้าง 4.50 นิ้ว ส่วนยางหน้ามีขนาด 90 / 90 - 21 ยางด้านหลังมีขนาด 150 / 70 - 18 รัดด้วยยาง Pirelli Scorpion Rally STR รองรับการลุยได้อย่างเร้าใจในทุกเส้นทาง



 




Cycle Road News

Yamaha Motor Show 2024
New Giorno+ Donald Duck
สมาคมอาชีวศึกษาเอกชนฯ
Honda Star Wars Limited
YAMAHA AUTOMATIC SHOWOFF
Yamaha Championship
Yamaha EXCITER155
TOPTEN RECORD DRAG BATTLE 2024
New Yamaha MT-15
CUB Camping EP. 2
Honda E-CLUTCH 650
Yamaha เปิดฉากสวยสนามแรก
YAMAHA THAILAND RACING TEAM
YAMAHA Best Automatic Fashion Festival 2024
Yamaha XSR900 GP
“ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ฉลองครบรอบ 60 ปี article
Thailand Bike of the Year 2024
H-SEM MOBILA-G V.2 article
Yamaha MT09
THE CREATOR ARENA
Yamaha MAX Series Community
YAMAHA Best Fashion Automatic Festival 2023
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย
Kawasaki Ninja 7 Hybrid
Ducati Monster 30 Anniversario
Honda Shadow Phantom
Suzuki GSX-8R
ํYamaha Motor Expo2023
Yamaha Tenere 700
YAMAHA PG-1 article
BMW F900XR
Aprilia Tuareg 660
Thruxton RS
Yamaha Automatic Trip
Brabus 1300 R
“ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ article
KAWASAKI KSR 110
Yamaha Bolt R-Spec
Yamaha XSR900 DB40
Kawasaki Ninja e1
Yamaha YZ250F
MV Agusta Superveloce 98
Ducati DesertX Rally
Indian Roadmaster
"ไทยยามาฮ่า" เวิลด์ซูเปอร์สปอร์ต
เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ article
Indian Sport Chief article
Yamaha Tracer 9 GT+ article
“นักบิดไทยฮอนด้า” ระเบิดฟอร์มโฮมเรซ article
Yanaha XMAX Connected article
ชาวยามาฮ่าคลับร่วมเชียร์ไอเดีย article
Yamaha Automatic Trip article
YAMAHA R3 bLU cRU article
Yamaha XMAX Connected article
YAMAHA XSR700 Legacy
เที่ยวบางเสร่...วันเบาๆ กับยามาฮ่าฟินน์ article
ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม
NMAX TRIP
YAMAHA FAZZIO Hybrid
ยามาฮ่า เดินหน้าปลูกป่า
IRC.-D.I.D Ride for Life article
YAMAHA YZF-R1 GYTR VR46
Yamaha Finn Fest 2023 article
NMAX Trip
Yamaha Tenere
XMAX Connected
Yamaha XMAX
FINN Fest เทศกาลลานฟินน์ ครั้งที่ 2 จ.เชียงใหม่
XMAX Trip
ยามาฮ่าจัดใหญ่ ประกวดรถแต่ง MAX Series 100 คัน
"ไทยยามาฮ่า" ปรับแผนส่ง "รัฐพงษ์" บิดแทน "อภิวัฒน์"
YAMAHA R3 bLU cRU Thailand​
Yamaha Grand for Good
์New Yamaha R15 Conneted
เวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต
Yamaha Rev’n Ride
Yamaha Finn Fest 2023
YAMAHA R15 Connected
Songkran Safe & Save 2566
Yamaha Yacht party
ยามาฮ่าคว้ารางวัลการออกแบบและดีไซน์บูธ
Honda Motor Show 2023
Yamaha Motor Show 2023
Yamaha Fazzio Hybrid
ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม
H-Sem MOBILA-G article
YAMAHA THAILAND RACING TEAM
กวาร์ตาราโร่ MotoGP 2023 article
“ยามาฮ่า” รุกต่อเนื่องตลาดรถจักรยานยนต์ไทย
Champing Trip article
Bridgestone Battlax Trackday 2023 article
2023 YZ450F
Yamaha Finn article
Bridgestone Battlax Trackday 2023 article
Yamaha AEROX Y-Connect
YAMAHA XMAX CONNECTED
Yamaha XSR900
New Rebel 500
YAMAHA Belle