ReadyPlanet.com
dot
dot
bulletCycle contest
bulletNew Motorcycle
bulletMotor sport
bulletCycle Care
dot
dot
bulletThai Honda
bulletThai Yamaha
bulletThai Suzuki
bulletKawasaki Motor
bulletVespa
bulletGPX
bulletHSEM
bulletDucati
bulletBMW Thailand
bulletHarley-Davidson Thailand
bulletTriumph Thailand
dot
dot
bulletJomthai Asahi
bulletIRC Tire
bulletDID / ELF / STANLEY
bulletCastrol
bulletIDEMITSU
bulletฺBRIDGESTONE
dot

dot


เพิ่มเพื่อน
www.cycle-road.com


เยือนประเทศลาว กับ Yamaha
   
   

     ไม่เพียงแต่ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เท่านั้นที่นิยมรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะของยามาฮ่า เพราะแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ก็ยังให้ความนิยมกับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีแห่งการสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน
     สปป.ลาว เป็นประเทศที่รถจักรยานยนต์จากจีนสามารถแทรกซึมเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากมีพรมแดนติดต่อกันและยังมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน แต่ในปัจจุบันรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าจากไทย เริ่มเข้าไปมีบทบาทบนท้องถนนของลาวเพิ่มมากขึ้น ด้วยการยอมรับในเรื่องของเทคโนโลยีแห่งการดีไซน์และการออกแบบเครื่องยนต์
     เราเดินทางสู่ สปป.ลาว อีกครั้งกับการท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราได้รับมิตรภาพอันยิ่งใหญ่จากนักบิดยามาฮ่าประเทศบ้านพี่เมืองน้องที่รอคอยการต้อนรับพวกเราด้วยการจัดหา “ยามาฮ่า ฟีโน่” และ “ยามาฮ่า ฟีโอเร่” ไว้คอยท่า ไม่ต้องยุ่งยากกับการทำเรื่องผ่านแดนให้เสียเวลา เมื่อรถยามาฮ่าก็เป็นที่ยอมรับอย่างมากใน สปป.ลาว เพื่อนชาวยามาฮ่าคลับจาก สปป.ลาว จัดเตรียมรถให้เราเดินทางขับขี่กันอย่างพร้อมเพรียงโดยเราเดินทางจาก นครเวียงจันทน์ไปสู่เมืองวังเวียงและหลวงพระบางโดยรถยามาฮ่า ฟีโน่ เพื่อไปพบกับ ยามาฮ่า ฟีโอเร่ คันแรกของ สปป.ลาว ที่เมืองหลวงพระบาง (ที่ถูกนำเข้ามาจากประเทศไทยผ่านทาง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย)...ขอขอบใจหลายกับน้ำใจของเพื่อนยามาฮ่าคลับที่ได้ติดต่อประสานงานในการเดินทางครั้งนี้
ถนนหนทางใน สปป.ลาว ไม่วุ่นวายและกว้างใหญ่เหมือนกับประเทศไทย ผิวถนนอาจจะลื่นไปบ้าง มีหลุมบ่อคอยรอรับอยู่บ้าง แต่นั่นก็คือเส้นทางที่ถูกทอดยาวไปทั่วประเทศ เส้นทางนี้ถูกเรียกว่าเส้นทางหมายเลข 13 ไม่ว่าจะไปทางเหนือหรือใต้ ก็คือเส้นทางเส้นนี้

     นครเวียงจันทร์ จุดศูนย์กลางของประเทศ เราแวะพักอาหารเที่ยงที่นี้กับ อาหารเวียดนามอันอุดมไปด้วยผักที่มากกว่าแป้ง ก่อนที่จะมุ่งหน้าขี้นเหนือไปยังเมืองวังเวียง ระยะทางไม่ไกลนักประมาณ 160 กม. แต่การเดินทางไม่สามารถเป็นไปได้เหมือนกับการเดินทางในประเทศไทยเนื่องจากสภาพถนนที่เป็นสองเลนเท่านั้น และนอกจากนี้ยังถูกจำกัดความเร็วด้วยความลื่นของผิวถนนและหลุมบ่อที่ขรุขระซึ่งมีอยู่ตลอดทั้งเส้นทาง
    อาจจะนานซักนิด แต่การมาถึงเมืองแห่งหุบเขาที่วังเวียงคือฉากแห่งความประทับใจที่ยากจะลืม ที่นี่โอบล้อมด้วยขุนเขาอันยิ่งใหญ่ เราเดินทางมาถึงเมืองตากอากาศของ สปป.ลาว ในยามเย็น และในวันนั้นเป็นวันที่พี่น้องชาววังเวียงได้ทำการจุดบั้งไฟ ทำให้ทิวเขามีควันยาวของบั้งไฟพาดผ่านไล่เลี่ยไปกับสายหมอกที่ลอยตัวขึ้นมา...ที่นี่เป็นสวรรค์ของนักเดินทางชาวต่างชาติ โดยมีสายน้ำซอง เป็นไฮไลท์ของการพักผ่อนไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือชมฉากแห่งธรรมชาติ ไกด์สาวผู้หน้าเหมือนตุ๊กกี้ดาราดังของไทยกล่าวว่าที่นี่คือกุ้ยหลินของ สปป.ลาว โดยระหว่างสายน้ำที่พาดผ่านไปนั้นจะมี สะพานไม้ข้ามแม่น้ำอยู่ตลอดทาง กิจกรรมท่องเที่ยวที่นี่นอกจากล่องเรือหรือพายเรือคายักแล้ว ยังมีการล่องห่วงยางกลางแม่น้ำไหลลงมาสู่ใจกลางเมืองวังเวียงด้วยระยะเวลาประมาณ 2 ชม. และระหว่างทางยังมีที่กระโดดน้ำด้วยการเกาะยางรถยนต์โหนตัวลอยละล่องไปยังแม่น้ำซอง และรวมไปถึงสไลด์เดอร์ไม้ที่ปูเสื่อน้ำมันให้ได้สนุกกันอีกด้วย และที่นี่ยังมีถ้ำใหญ่น้อยอีกมากมายสำหรับนักเดินทางที่ชอบการค้นหาตามซอกหลืบ
    ที่พักของที่นี่ราคาไม่แพงนัก มีตั้งแต่ 80 บาทไปจนถึงหลักร้อยหลักพันตามกำลังกระเป๋า ส่วนอาหารนั้นหากินกันไม่ยากไม่ว่าจะเป็นอาหารลาว อาหารไทย (ก็ไม่แตกต่างกันนัก) หรืออาหารฝรั่ง และมีโรตีเหมือนเมืองไทยที่มากมายหลากหลายรสชาติ...เวลายามค่ำคืนเป็นของนักท่องเที่ยวฝรั่งนั่งจิบเบียร์แบบเอกเขนก บางคนก็หงายเงิบชมทีวีที่ผ่านดาวเทียมอย่างสบายใจ นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็กชาวฝรั่งมักจะหยุดเวลาอยู่ที่นี่อย่างยาวนาน....
เราเก็บประสบการณ์เต็มอิ่มที่วังเวียง และเดินทางสู่หลวงพระบางต่อด้วยระยะทางอีกประมาณ 210 กม. แต่ระยะทางสองร้อยกว่ากิโลเมตรนั้นเป็นเส้นทางขุนเขาตลอดทาง เราเลาะลัดร้อยเรียงขึ้นลงทิวเขาลูกแล้วลูกเล่าไปอย่างเพลิดเพลินใจ บางช่วงเราพบกับสายฝน และเราพบกับนักเดินทางด้วยจักรยานเสือภูเขาตลอดทาง ระยะทางสองร้อยกว่ากิโลเมตรเราใช้เวลาเกือบวัน กว่าจะถึงเมืองมรดกโลกที่ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยอารยธรรมและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่และสวยงาม

   
   
   

     ที่นี่คือนครหลวงแห่งอาณาจักรล้านช้าง นอกจากแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านแล้ว แม่น้ำคาน ก็เป็นแม่น้ำอีกสายหนึ่งที่เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเมืองหลวงพระบาง ที่นี่ถูกมอบให้เป็นมรดกของโลกในปี 2538 อันเนื่องมาจากความสมบูรณ์ของความเป็นเมืองเก่า และเต็มเปี่ยมไปด้วยวัดวาอารามเก่า ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น วัดเชียงทอง วัดใหม่ วัดพระธาตุหมากโม วัดแสน วัดธาตุหลวง วัดปากคาน วัดธาตุจอมภูษี  และสภาพบ้านมืองที่เป็นเมืองเก่าถูกอนุรักษ์เป็นอย่างดี ว่ากันว่าการต่อเติมอาคารบ้านเรือนของที่นี่จะต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของยูเนสโกก่อน ส่วนบ้านเรือนอาคารโรงแรมที่จะสร้างใหม่ จะถูกบังคับในการออกแบบให้เข้ากับสถาปัตย์แห่งเมืองหลวงพระบางด้วยจะสร้างกันแบบมั่วๆ หรือด้วยความสุขสบายใจนั้นไม่ได้ ทุกอย่างจำต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของความเป็นเมืองมรดกโลกด้วย
    และที่นี่ยังมีประเพณีอันดีงามคือการตักบาตรข้าวเหนียวในยามเช้า นักท่องเที่ยวชาวพุทธ ตื่นกันแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัวถวายข้าวเหนียวแด่พระสงฆ์ที่เดินแถวเรียงรายรับบาตรกับญาติโยม ส่วนอาหารคาวที่ฉันร่วมกับข้าวเหนียวนั้นทางญาติโยมชาวบ้านในพื้นที่เมืองหลวงพระบางจะทยอยกันนำมาถวายแด่พระสงฆ์ถึงที่วัด
หลังจากทำบุญตักบาตรข้าวเหนียวแล้ว เราไปยังร้านกาแฟประชานิยม ร้านกาแฟที่ได้รับการโปรโมทอีกแห่งหนึ่งของเมืองหลวงพระบาง ก่อนที่จะเดินทางชมสถาปัตยกรรมแห่งอดีตอาณาจักรล้านช้าง สำหรับคนที่แรงดี การเดินขึ้นชมวัดธาตุจอมภูษี ที่อยู่กลางใจเมืองก็จะได้เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามในมุมสูงได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นยามเช้าหรือยามเย็นก็ดี
    ส่วนยามค่ำคืนด้านหลังวัดธาตุจอมภูษี ด้านหน้าของพระมหาราชวังเก่า ยังเป็นตลาดค่ำ ขายสินค้าที่เป็นหัตถกรรมที่เป็นแฮนด์เมดอยู่มากมาย ก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคน...การเดินทางท่องเที่ยวที่นี่เราได้เพื่อนยามาฮ่า ฟีโอเร่ ชาวหลวงพระบางเป็นผู้นำทางในการเข้าถึงอดีตแห่งความยิ่งใหญ่ของดินแดนอาณาจักรล้านช้าง
    และการเดินทางกลับสู่เวียงจันทน์ กับระยะทางประมาณ 360 กม. เราใช้เวลาร่วมสิบชั่วโมงจากเช้ามาถึงเย็นย่ำ โดยในนครเวียงจันทน์นั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆ มากมายเช่นกัน แต่เราได้ผ่านประสบการณ์มาแล้ว เมื่อครั้งมาทดสอบรถยามาฮ่า ฟีโอเร่ ในรูปแบบประหยัดน้ำมัน จึงทำให้เราไม่ต้องรีบร้อนแต่ประการใด
    ยามค่ำคืนแห่งพระนครเวียงจันทน์ เราขอใช้ชีวิตยามราตรีไปกับ บาร์รำวง ชมแม่หญิงลาวนุ่งซิ่นมารำวงในยามหัวค่ำก่อนที่จะแดนซ์กระจายในยามค่ำคืน ความเจริญแห่งสีสันยามราตรียังไม่ทัดเทียมไทยแลนด์ เนื่องด้วย สปป.ลาว ยังไม่ถูกความศิวิไลมาเบียดแทรกจารีตและศีลธรรมอันดีงามของเมืองพุทธศาสนามากเหมือนเมืองไทย ขนาดผู้ใหญ่ที่เป็นชนชั้นปกครองระดับนายกรัฐมนตรี ยังถูกเด้งออกจากตำแหน่งเนื่องจากมีความบกพร่องทางศีลธรรมอันดี เนื่องจากมีเฮือนหลายเฮือน (มีเมียมากเกินกว่าหนึ่งคน...)
    เราผ่านกลับสู่ประเทศไทยทางสะพานมิตรภาพ โดยแวะช้อปปิ้งที่ดิวตี้ฟรีกันแต่พองาม...ซึ่งความประทับใจครั้งนี้เราต้องขอขอบคุณมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องยามาฮ่าคลับเมืองลาวไว้ด้วย...
 




Special Scoop...

“ถนนปลอดภัยในสถานศึกษา” โดย บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
2012 350 Enduro Comparision :: Power Orange 350 vs. 350
เส้นทางหฤโหด สู่การเป็น "ราชาแห่งสตั๊นท์"
ล้อแม็ก VS ล้ออลูมิเนียมอัลลอย
Cycle Clinic
WR250F Vs. CRF250X : The Japanese Enduro Test
Top 10 Best Superbike 2012
Test - Kawasaki Z1000 2012
ดอม เหตระกูล กับ Triumph มอเตอร์ไซค์ในฝันสำหรับคนรุ่นใหม่
Yamaha Press Member "Diasil Technology 2011"
Yamaha Fuel Saving Touring Contest