เปิดฉากขึ้นแล้วสำหรับแรลลี่หฤโหด และตำนานแห่งความยิ่งใหญ่ของคำว่า “โหดร้ายที่สุดในโลก” โดยในปีนี้ถือได้ว่าเป็นการแข่งขันครั้งที่ 33 ทำการแข่งขันไปเมื่อวันที่ 1-15 มกราคม ที่ผ่านมา

     สำหรับเส้นทางยังคงแข่งขันกันในแถบอเมริกาใต้เหมือนที่ผ่านมา แต่มีความพิเศษเพิ่มขึ้น โดยมีเปรูเป็นประเทศใหม่ที่ได้จัดแข่งขัน ทำให้เปรูเป็นชาติที่ 27 ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแรลลี่รายการนี้ และจากทั้งหมด 14 สเตจที่ใช้แข่งกันหนนี้จะแข่งในอาร์เจนตินา 5 สเตจแรก ก่อนแข่งกันต่อ 5 สเตจถัดไปที่ชิลี และแข่ง 4 สเตจสุดท้ายในเปรู โดยมีเส้นชัยหลังแข่งจบสเตจที่ 14 อยู่ที่กรุงลิมา ระยะทางที่ใช้แข่งในปีนี้ราว 8,400 กิโลเมตร โดยเป็นระยะทางที่ใช้จับเวลาราว 4,200 กิโลเมตร ส่วนจำนวนสเตจทั้งสิ้น 14 สเตจ มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว 2 สเตจ โดยรถที่เข้าร่วมชิงชัยในครั้งนี้แบ่งเป็นประเภทรถยนต์ 171 คัน รถบรรทุก 76 คัน รถวิบาก 33 คัน และมอเตอร์ไซค์ 185 คัน รวมทั้งสิ้น 465 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2011 ราว 15%

     สเตจ 1 วันแรกสังเวยความโหด 1 ศพ โดยในปีนี้มีการเปลี่ยนจุดออกสตาร์ตและเส้นชัยไม่ได้อยู่ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา แต่อาร์เจนตินายังคงเป็นจุดเริ่มต้นการแข่งขันเหมือนเดิม เพียงแต่การออกสตาร์ตแข่งสเตจแรกจะเริ่มกันที่เมืองมาร์ เดล ปลาตา ระยะทาง 57 กม. ปรากฎว่ามีเหตุการณ์น่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับ ฮอร์เก มาร์ติเนซ โบเอโร นักบิดเจ้าถิ่นจากทีมเบตา ซึ่งเสียชีวิตหลังได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุตกลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์ขณะขี่ขึ้นเนินทราย โดยฝ่ายจัดการแข่งขันเปิดเผยว่า ทีมแพทย์เข้าถึงตัวนักบิดวัย 38 ปีรายนี้หลังเกิดอุบัติเหตุ 5 นาทีและได้นำขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อส่งตัวไปยังโรงพยาบาล แต่เขาเสียชีวิตระหว่างทาง ทั้งนี้ โบเอโร กลายเป็นนักซิ่งคนที่ 21 ที่เสียชีวิตระหว่างการแข่งขันแรลลีสุดโหดที่จัดมาตั้งแต่ปี 1979 รายการนี้ แต่ถ้าหากนับผู้ชมด้วยก็มีผู้เสียชีวิตรวม 59 คน ผลการแข่งขันประเภทมอเตอร์ไซค์ ฟรานซิสโก โลเปซ นักซิ่งชาวชิลีจากทีมแอพริเลีย เป็นอันดับหนึ่งด้วยเวลา 32 นาทีกับ 37 วินาที ตามด้วย “แชมป์เก่า” มาร์ก โกมา ชาวสเปนจากทีมเคทีเอ็ม ไล่หลัง 14 วินาที และ ฮาเวียร์ ปิซซอลิโต ชาวอาร์เจนไตน์จากทีมฮอนดา ตามอยู่ 27 วินาที
     สเตจ 2 เส้นทางจากเมืองซานตา โรซา เดลา แพมพา ถึง ซาน ราฟาเอล ในประเทศอาร์เจนตินา "แชมป์เก่า" มาร์ก โกมา ก็สามารถคว้าแชมป์ในสเตจนี้ด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 7 นาที 21 วินาที ซึ่งถือเป็นแชมป์สเตจที่ 17 ในการแข่งขันแรลลี่ดาการ์ของโกม่า และทำให้เขานำเป็นที่ 1 ในอันดับเวลารวม ส่วนที่สองเป็นของ ซีรีล เดสเปรส เพื่อนร่วมทีมชาวฝรั่งเศสทำเวลาตามหลัง 1 นาที 18 วินาที
     สเตจ 3 เส้นทางอาร์เจนตินา-ชิลี-เปรู เมื่อวันอังคาร์ที่ 3 มกราคม ซีรีล เดสเปรส นักบิดชาวฝรั่งเศสจากสังกัดเคทีเอ็ม เข้าวินเป็นอันดับ 1 โดยทำเวลาที่ 3 ชั่วโมง 48 นาที 38 วินาที ส่งผลให้เวลารวมเป็นอันดับ 1 ที่ 7 ชั่วโมง 31 นาที 42 วินาที
     สเตจ 4 เส้นทางจากเมือง ซาน ฮวน ไปยัง ชิเลซิโต้ เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของ อาร์เจนติน่า มาร์ค โกม่า นักขับชาวสเปนและแชมป์ปีที่แล้ว จากเคทีเอ็ม ทำเวลาดีที่สุด 4 ชั่วโมง 16 นาที 43 วินาที แต่เวลารวมยังตามหลัง ซีรีล เดสเปรส ที่เป็นผู้นำเวลารวม อยู่ 8 นาที 10 วินาที 

     สเตจ 5 เส้นทางจากเมืองชิเลซิโต ถึง เฟียมบาลา ในประเทศอาร์เจนตินา ปรากฏว่า ซีรีล เดสเปรส เข้าเส้นชัยเป็นเบอร์ 1 อีกครั้ง ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 28 นาที 33 วินาที ตามมาด้วย มาร์ก โกมา นักซิ่งชาวสเปนจากค่ายเดียวกัน ที่ไล่หลังมา 1 นาที 41 วินาที
     สเตจ 6 ระยะทาง 247 กิโลเมตร เส้นทางจากเมืองเฟียมบาลา ประเทศอาร์เจนตินา ไปยัง เมืองโคเปียโป ประเทศชิลี แต่สเตจนี้ก็ต้องถูกยกเลิกเนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่เกิดหิมะฤดูร้อน โดยเจ้าหน้าที่ของทางการชิลี ปิดทางเข้าออกบริเวณชายแดนที่ติดกับ อาร์เจนตินา ในช่วงกลางคืนเนื่องจากปัญหาสภาพอากาศดังกล่าว
     สเตจ 7 เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกลับมาชิงชัยตามปกติ เส้นทางบริเวณรอบเมืองโคเปียโป ประเทศชิลี ระยะทาง 419 กม.โดย มาร์ก โกมา กลีบมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง ทำเวลาดีที่สุด 3 ชั่วโมง 51 นาที 35 วินาที ห่างจากคู่แข่งสำคัญอย่าง ซีรีล เดสเปรส เพื่อนร่วมทีมชาวฝรั่งเศส อยู่ 2 นาที 03 วินาที แต่ เดสเปรส ยังเป็นผู้นำเวลารวมทิ้งห่างโกมา อยู่ 7 นาที 48 วินาที
     สเตจ 8 เส้นทางจากเมืองโคเปียโป ถึงเมืองอันโตโฟกาสตา ประเทศชิลี ระยะทาง 477 กม. มาร์ก โกมา แชมป์เก่าจากทีมเคทีเอ็ม กลับขึ้นมาเป็นผู้นำเวลารวมแซงหน้าคู่แข่งสำคัญอย่าง ซีรีล เดสเปรส เพื่อนร่วมทีมชาวฝรั่งเศส หลังทำเวลาดีที่สุด 5 ชั่วโมง 03 นาที 52 วินาที ทิ้งห่างอันดับสอง รูเบน ฟาเรีย นักบิดชาวโปรตุกีสอยู่ 7 นาที ส่วน เดสเปรส อดีตแชมป์ 3 สมัยจบอันดับ 14 หลังเสียเวลาไปจากการตกบ่อโคนในช่วงแรกของสเตจ

     สเตจ 9 เส้นทางจากเมืองอันโตฟากาสตา ถึงเมืองอิกิเก ในประเทศชิลี ซึ่งเป็นสเตจที่ยาวที่สุด ระยะทาง 556 กม. ยังคงเป็นการขับเคี่ยวกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันระหว่าง 2 นักบิดจากทีมเคทีเอ็ม โดย ซีริล เดส์เปรส์ เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 5 ชั่วโมง 4 นาที วินาที เอาชนะ มาร์ค โกมา ที่ตามเข้ามาเป็นอันดับ 2 ถึง 3 นาที 54 วินาที ทำให้ เดส์เปรส์ แซง โกมา ขึ้นมาเป็นผู้นำเวลารวมที่ 28 ชั่วโมง 45 นาที 17 วินาที โดยนำหน้าอยู่ 2 นาที 28 วินาที
     สเตจ 10 เส้นทางจาก อิกีเก เมืองทางตอนเหนือของชิลี ไปยัง อาริก้า เมืองท่าของชิลี ติดกับประเทศเปรู ระยะทาง 377 กม.     บาร์เรด้า บอร์ท นักบิดชาวสเปน จากทีมฮุสควาร์น่า ขับเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 18 นาที 43 วินาที คว้าแชมป์สเตจ ดาการ์ แรลลี่ เป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วน มาร์ก โกม่า ขับตามมาเป็นอันดับสอง พร้อมทำเวลาจี้ ซีรีล เดสเปรส ที่ครองผู้นำในเวลารวมเหลือเพียงแค่ 21 วินาทีเท่านั้น
     สเตจ 11 เส้นทางจากเมืองอาริกาในประเทศชิลี เข้าสู่ประเทศเปรูเป็นสเตจแรกในเมืองอาเรกีปา ระยะทาง 478 กม. ซีริล เดส์เปรส์ ยังไว้ลายดีกรีแชมป์ 3 สมัย คว้าแชมป์สเตจครั้งที่ 4 ในปีนี้ด้วยการเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 3 นาที 37 วินาที ทิ้งห่าง มาร์ก โกมา เพื่อนซึ่งตามเข้ามาเป็นที่ 3 เพิ่มเป็น 2 นาที 22 วินาที
     สเตจ 12 เมื่อวันศุกรที่ 13 มกราคม เส้นทางจากเมืองอาเรกีปา ถึงเมืองนาสกา ในประเทศเปรู ระยะทาง 245 กม.ปรากฎว่า "แชมป์เก่า" มาร์ก โกมา ทำเวลาดีที่สุดเร็วกว่าเพื่อนร่วมชาติ โจน บาร์เรดา บอร์ต จากทีมฮุสควาร์มา และ ฆอร์ดี วิลาดอมส์ จากทีมเคทีเอ็ม ซึ่งเข้ามาเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ นอกจากนี้ โกมา ยังขึ้นเป็นผู้นำเวลารวมแซง ซีรีล เดส์เปรส์ เพื่อนร่วมทีมชาวฝรั่งเศสและคู่ปรับสำคัญโดยทิ้งห่าง 1 นาที 35 วินาที
     สเตจ 13 การแข่งขันในช่วงนี้มีการผลิกล็อคพอสมควร เมื่อ เฮลเดอร์ โรดริเกส นักบิดชาวโปรตุกีสค่ายยามาฮา คว้าชัยด้วยเวลา 3 ชั่วโมง 21 นาที 16 วินาที ดีกว่า ซีรีล เดส์เปรส์ อดีตแชมป์ 3 สมัย และ ฆอร์ดี วิลาดอมส์ สองนักซิ่งจากค่ายเคทีเอ็ม อยู่ 47 วินาที และ 3 นาทีตามลำดับ ส่วนแชมป์เก่าและผู้นำเวลารวมสเตจที่แล้วอย่าง มาร์ก โกมา ชาวสแปนิชทีมเคทีเอ็ม มีปัญหาเครื่องยนต์ใน 25 กิโลเมตรสุดท้ายจนเข้าเส้นชัยสเตจนี้ในอันดับที่ 18 เสียตำแหน่งผู้นำเวลารวมให้แก่ เดส์เปรส์ ซึ่งถ้าหากไม่ประสบอุบัติเหตุรุนแรงในสเตจสุดท้ายก็น่าจะทำให้นักบิดชาวฝรั่งเศสคว้าแชมป์สมัยที่ 4 เนื่องจากเวลารวมนำห่าง 11 นาที
     สเตจ 14 ซึ่งเป็นสเตจสุดท้าย จากเมืองปิสโก ไปยังกรุงลิมา ประเทศเปรู ระยะทางรวม 254 กม. โดย ซีรีล เดสเปรส์ นักบิดชาวฝรั่งเศสทีมเคทีเอ็ม คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ตามความคาดหมาย โดยสเตจสุดท้าย เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ตามหลัง เฮลเดอร์ โรดริเกส จากโปรตุเกส 47 วินาที โดยทำเวลารวม 43 ชั่วโมง 28 นาที 11 วินาที เอาชนะ "แชมป์เก่า" มาร์ก โกม่า เพื่อนร่วมทีมชาวสเปน 53 นาที 20 วินาที คว้าแชมป์แรลลี่โหด 2012 อย่างภาคภูมิใจ...พร้อมๆ กับคำให่สัมภาษณ์ว่า "มันน่าเหลือเชื่อมากที่ผมสามารถคว้าแชมป์ 10 ครั้ง คุณลองคิดดูว่ามันยากแค่ไหนกับการชนะดาการ์แรลลี่สักครั้งหนึ่ง มันเป็นเวลานานทีเดียว ผมรอคอยมาเป็นเวลา 5 ปีเพื่อคว้าแชมป์อีกครั้ง"