บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย  เดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ก่อนหน้าได้เปิดตัว  New Honda CB150R สุดยอดรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ตใหม่ล่าสุด อีกหนึ่ง DNAสายพันธุ์สปอร์ตที่ผสมผสานความลงตัวในสไตล์โมเดิร์นคาเฟ่เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมเชิญสื่อมวนชลเข้าร่วมทดสอบสมรรถนะความสุดยอด New Honda CB150R 

เป็นที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบัน “ฮอนด้า” เป็นผู้นำในกลุ่มรถสปอร์ตในประเทศไทยติดต่อกันมาตลอด 18 ปี และเป็นผู้นำตลาดจักรยานยนต์ในเมืองไทยถึง 29 ปีซ้อน นั้นแสดงให้เห็นว่า ฮอนด้ามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ New Honda CB150R ที่เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศไทยในวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา และสร้างปรากฏการณ์ใหม่แห่งวงการมอเตอร์ไซค์ไปทั่วโลก

หลังจากที่คณะสื่อมวลชนไปถึงสถานที่ทดสอบ ในช่วงเช้าได้รับเกียรติจาก มร. โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวต้อนรับบรรดาสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทดสอบ และได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากฮอนด้าในการบรรยายสรุปถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ และข้อมูลทางเทคนิคเพื่อให้ทราบถึงสมรรถนะของ Honda CB150R Exmotion ก่อนจะเริ่มทำการทดสอบในช่วงบ่าย ณ. สนาม Honda R&D Asia Pacific - Proving Ground จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สนามต่อจากประเทศญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกาและประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท ประกอบด้วย 8 สถานีการทดสอบ บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ และถือว่าเป็นสื่อมวลชนกลุ่มแรกที่ได้ใช้สนามแห่งนี้เพื่อทำการทดสอบ New Honda CB150R  ด้วยรูปลักษณ์ของตัวรถที่ผสมผสานความสปอร์ตและโมเดิร์นคาเฟ่เข้าด้วยกันจึงเป็นความลงตัวที่สุด พร้อมนิยามสุดเท่  “รถเล็ก สเปคบิ๊กไบค์” ด้วยการนำเทคโนโลยีจากบิ๊กไบค์มาใส่ลงในรถสปอร์ตขนาด 150 ซีซี. แบบเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องยนต์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ขนาด 150 ซีซี.  DOHC 4 วาล์ว แบบ Roller Rocker Arm เกียร์ 6 สปีด ลูกสูบเคลือบโมลิบดีนั่ม ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI มาตรฐานไอเสียระดับ 6 ทำให้เครื่องแรง อัตราเร่งดี เร้าใจทุกการขับขี่ แต่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนโช้คอัพหน้าแบบหัวกลับขนาดใหญ่ 41 มม. ใหญ่สุดในบรรดารถสปอร์ต 150 ซีซี ขนาดเดียวกับ X-ADV 750 บิ๊กไบค์สายลุย ท่อไอเสียแบบสั้น ดีไซน์ใหม่ ที่วางอยู่ใกล้กับเครื่องยนต์ ระบบไฟ Full LED ทั้งคัน พร้อมเรือนไมล์ Full LCD Multifunction Meter ที่บอกฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างครบครัน รวมไปถึงมีระบบไฟบอกตำแหน่งเกียร์ และ Shift Light แฮนด์บาร์สไตล์แอดเวนเจอร์ไบค์แบบเดียวกับAfrica Twin & X-ADV750

 

นอกจากนี้ในส่วนของเฟรมได้ รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นมาใหม่โดยเป็นเทคโนโลยีเดียวกับการออกแบบรถแข่งโมโตจีพี  ที่เน้นการรวมมวลมาที่จุดศูนย์ ถ่วงแบบ Inner Pivot Type Diamond Frame โดยเป็นการวางจุดศูนย์รวมของน้ำหนักให้อยู่ใกล้ผู้ขับขี่มากที่สุด เพื่อการควบคุมง่ายทุกสไตล์การขับขี่ เสริมความโดดเด่นด้วยดีไซน์ถังน้ำมันใหม่ที่มาพร้อมฝาถังน้ำ มันแบบ Airplane Tank Cap เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยกับระบบเบรกหน้าหลัง ABS G-Sensor ที่มาพร้อมกับดิสก์เบรกหน้าจุดยึดแบบเรเดียลเมาท์ จานเบรกแบบแยกชิ้นขนาด 296 มม. คาลิปเปอร์แบบ 4 พอต ที่เป็นเทคโนโลยีจากสนามแข่ง สวิงอาร์มสไตล์บิ๊กไบค์ เสริมความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยยางแบบ Radial ขนาดใหญ่ ซึ่งคอนเซ็ปท์หลักๆในการออกแบบรถคันนี้นั้น เป็นการถ่ายทอด DNA มาจากรถสายพันธ์สปอร์ตรุ่นใหญ่ ที่คุณ Yuzuru Ishikawa ตำแหน่ง Large Project Leader ได้พยายามที่จะนำเอาหลักการออกแบบและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ปกติจะใช้ในรถบิ๊กไบค์คลาสใหญ่ๆ มาติดตั้งในรถคลาส 150 ซีซี. 

ในช่วงบ่ายคณะสื่อมวลชนได้เข้าสู่สนามทดสอบและทางครูฝึกจากฮอนด้าเซฟตี้ฯ ได้แบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อทำการทดสอบ 3 สถานี พร้อมกับอธิบายรูปแบบการขับขี่ในแต่ละสถานี

1.Straigth Course เป็นสถานีทดสอบ อัตราเร่งช่วงต้น-กลาง-ปลาย ของเครื่องยนต์, ฟังก์ชั่นการเปลี่ยนเกียร์ในรอบที่เหมาะสมด้วย Shift Light และทดสอบระบบเบรก  

2.Winding Course เป็นสนามทดสอบการขับขี่ที่มีลักษณะทางโค้งแคบ, โค้งกว้าง, โค้งบนเนินและพื้นที่ไม่ราบเรียบ เน้นความคล่องตัว การพลิกเข้าโค้ง อัตราเร่งในรอบต่ำ ระบบช่วงล่าง ฟังก์ชั่นตำแหน่งเกียร์

3.Oval Course  สถานีทดสอบ ประสิทธิภาพของการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง, ทดสอบสมรรถนะของโช้คอัพหน้า-หลังและยาง Radial

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อศูนย์จำหน่ายและบริการ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยรุ่น Standard มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ เทา-ดำ, แดง-ดำ, เขียว-ดำ และดำ ราคาแนะนำโดยประมาณเริ่มต้นที่ 99,800 บาท ส่วนรุ่น ABS มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ เทา-ดำ และดำ ราคาแนะนำโดยประมาณเริ่มต้นที่ 109,800 บาท ขณะที่รุ่นตกแต่งพิเศษมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น CB150R Street Café ผลิตจำนวนจำกัด 500 คัน ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 135,200 บาท รุ่น CB150R Scramble Café ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 คัน ราคาแนะนำเริ่มต้นที่ 118,400 บาท และรุ่น  CB150R Moriwaki Edition  พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป  และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.aphonda.co.th/exmotion หรือ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand