“The Doctor”

Valentino Rossi

The great legend on two wheels

ตำนานสองล้อผู้ยิ่งใหญ่

     หากจะกล่าวถึงนักแข่งสองล้อระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและมีแฟนคลับเยอะที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้น “เดอร์ด๊อกเตอร์” Valentino Rossi ยอดดาวบิดชาวอิตาเลียน หมายเลข 46 ที่มากด้วยประสบการณ์ และเจนจัดบนแทร็คการแข่งขันมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าเป็นนักแข่ง 2 ยุค ซึ่งเริ่มต้นการแข่งขันในยุคที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะและปรับเปลี่ยนมาเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ โดยดาวบิดอิตาเลียนสามารถคว้าแชมป์โลกได้ถึง 9 สมัย

      เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา วาเลนติโน รอสซี เคยพูดว่าจะใช้เวลาในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองในปีหน้าหลังจากเสร็จสิ้นการพักเบรกช่วงซัมเมอร์ และเมื่อต้นฤดูกาล 2021 วาเลนติโน รอสซี ได้กล่าวการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบางช่วงว่า “You don't have to take life sport and results too seriously” หรือแปลง่ายๆ ก็คือ “ไม่ต้องซีเรียสกับกีฬาเพื่อชีวิตมากเกินไป”  และนั้นเป็นการพูดที่ทำให้สื่อหลายๆ สำนักคาดการว่าตัวรอสซีเองอาจตัดสินใจอำลาแทร็คเร็วขึ้น

     “งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา”  ขอย้อนกลับไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา  ก่อนการแข่งขันโมโตจีพี ที่สนาม เรดบูลล์ ริง ประเทสออสเตรีย  “วาเลนติโน รอสซี” ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการในการตัดสินใจประกาศรีไทร์จากการแข่งขันโมโตจีพี หลังสิ้นฤดูกาล 2021 นี้ ซึ่งเป็นการยุติเส้นทางนักแข่งในวัย 42 ปี ด้วยความสำเร็จในการคว้าแชมป์โลกทุกคลาสมาครองถึง 9 สมัย ตลอดการแข่งขัน 25 ปี ด้วยการคว้าแชมป์โมโตจีพี 7 สมัย, แชมป์ 250 ซีซี 1 สมัย และแชมป์ 125 ซีซี 1 สมัย โดยชนะการแข่งขันในระดับ World Grandprix ถึง 115 ครั้ง  ชนะในการแข่งขัน MotoGP 89 ครั้ง ขึ้นโพเดียมไป 235 ครั้ง พร้อมกับคว้าตำแหน่งโพล ไปถึง 65 ครั้ง ลงแข่งขันมาแล้วทั้งหมด  423 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มลงชิงชัยในรุ่น 125 ซีซี เมื่อปี 1996

     ปัจจุบัน“เดอร์ด๊อกเตอร์” Valentino Rossi เป็นนักแข่งในสังกัด Petronas Yamaha SRT ซึ่งในฤดูกาลนี้ผลงานในการแข่งขันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และตัดสินใจในการรีไทร์ในที่สุด โดยในวันแถลงข่าวรอสซีได้กล่าวว่า “ผมตัดสินใจที่จะรีไทร์หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ และน่าเสียดายที่มันจะเป็นครึ่งฤดูกาลสุดท้ายของผม ในฐานะนักแข่งโมโตจีพี มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกมา และเป็นช่วงเวลาที่เศร้ามากที่รู้ว่าปีหน้าผมจะไม่ได้ลงแข่งขัน ผมทำสิ่งนี้มาหลายปี ดังนั้นปีหน้าชีวิตของผมจะเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม มันเยี่ยมมาก ผมสนุกกับมันมาก นี่เป็นการเดินทางที่ยาวนาน และสนุกมากจริงๆ และตลอดระยะเวลา 25-26 ปี ในศึกชิงแชมป์โลก มันยอดเยี่ยมมาก และปีหน้าชีวิตของผมจะเปลี่ยนไป” ยอดนักบิดชาวอิตาเลียน ทิ้งท้าย

     สำหรับประวัติวาเลนติโน รอสซี เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 ที่ เมือง เออร์บิโน ประเทศอิตาลี  ก่อนย้ายไปที่เมืองตาวูลเลีย ตั้งแต่ยังเด็กๆ โดยเขาเป็นลูกชายของ กราเซียโน รอสซี อดีตนักแข่งมอเตอร์ไซค์ ซึ่งพ่อของเค้าเปรียบเสมือนครูคนแรกที่สอนเขาขับรถสองล้อตั้งแต่วัยเพียงแค่ 3 ขวบ  ต่อมารอสซี่ เริ่มต้นการแข่งขันรถโกคาร์ท และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้หลายรายการ หลังจากนั้นรอสซี่ก็เริ่มหาความท้าทายใหม่ด้วยการผันตัวเข้าสู่วงการรถมอเตอร์ไซค์อย่างเต็มตัว

     ในปี 1996 วาเลนติโน รอสซี่ ในวัย 17 ปี ก็เริ่มต้นการแข่งขันครั้งแรกกับทีม Aprilia ลงแข่งในรุ่น WGP125  โดยใช้รถ Aprilia R125R และต่อมาในปี 1997 ก็สามารถคว้าแชมป์โลกในรุ่น WGP125  ได้สำเร็จ ด้วยการเก็บชัยชนะอันดับ 1 ถึง 11 สนามพร้อมคะแนนสะสมรวม 321 คะแนน  และในปี 1998 รอสซี่ก็ถูกดันให้ขึ้นไปแข่งในรุ่น WGP 250  โดยยังคงอยู่ภายใต้สังกัดทีม Aprilia  เหมือนเช่นเดิมกับรถแข่ง Aprilia RS250 จบฤดูกาลสามารถเก็บคะแนนสะสมมาเป็นอันดับที่ 2 และในปี1999 ก็สามารถคว้าแชมป์โลกในรุ่นWGP250 มาครองได้สำเร็จ ด้วยชัยชนะถึง 9 ครั้งและขึ้นโพเดี้ยมรวม 12 ครั้งจาก 16 สนามมีคะแนนสะสมรวม 309 คะแนน ผลจากการคว้าแชมป์โลกในรุ่นเล็กถึง 2 รุ่น ทำให้ทีมแข่งยักษ์ใหญ่หลายทีมสนใจที่จะดึงรอสซี่ไปแข่งในรุ่น Premium Class หรือรุ่นใหญ่สุดของการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกในรุ่นWGP 500  และสุดท้ายรอสซี่ก็เลือกไปอยู่กับทีม Honda ค่ายรถจากประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ในปี 2000โดยใช้รถ Honda NSR500 ที่ใช้เครื่องยนต์ V4 แบบ 2 จังหวะ และคว้าแชมป์โลกได้ในปี 2001
(>) ต่อมาในปี 2002 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกทั้งในเรื่องของกฎ กติกาต่าง ๆ รวมไปถึงการปรับเครื่องยนต์จาก 2 จังหวะ 500 ซีซี มาเป็นเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ 990 ซีซี พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อการแข่งขันจาก WGP (World Grand Prix) มาเป็น MotoGP  ซึ่งรอสซี่เองยังคงอยู่ภายใต้สังกัดทีม Repsol Honda และใช้รถ Honda RC211 ลงทำการแข่งขัน ซึ่งทำให้รอสซี่ก็ยังคงฉายแววอัจฉริยะคว้าชัยชนะได้ตามความคาดหมาย และคว้าแชมป์โลกรุ่นใหญ่สุดมาครองได้สำเร็จในปี 2002 – 2003
(>) ในปี 2004 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของวาเลนติโน รอสซี่ โดยการตัดสินใจย้ายออกจากทีม Repsol Honda เข้าสู่อ้อมอกทีม Gauloises Fortuna Yamaha และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจสามารถขึ้นโพเดี้ยมถึง 11 ครั้ง โดยเป็นผู้ชนะถึง 9 ครั้งพร้อมเก็บคะแนนสะสมคว้าแชมป์โลกถึง 304 คะแนน ในปี2005 วาเลนติโน รอสซี่ ยังคงพัฒนาตัวเองและรถแข่งควบควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่องจึงส่งผลให้รอสซี่คว้าแชมป์โลกมาครองได้อีกครั้งโดยเป็นการขึ้นโพเดี้ยม 16 ครั้งจาก 17 สนาม เป็นผู้ชนะถึง 11 สนาม เก็บคะแนนสะสมรวม 367 คะแนน ต่อมาในปี 2006 และ 2007 ถือว่าเป็นฤดูกาลที่สร้างความลำบากใจให้เค้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีนักแข่งที่สร้างผลงานได้ดีหลายคน ซึ่งในปี 2006 แชมป์โลกตกเป็นของ Nicky Hayden  จากทีม  Honda และในปี 2007 แชมป์โลกตกเป็นของ Casey Stoner จากทีม Ducati ถึงแม้ว่ารอสซี่จะไม่ได้แชมป์โลกแต่ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าตำแหน่งในอันดับที่ 2 และ 3 ก่อนที่จะกลับมาผงาดสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมอีกครั้งในปี 2008 และ 2009 ภายใต้สังกัด FIAT Yamaha Team ด้วยการคว้าแชมป์โลกติดต่อกัน และยังครองสถิติคว้าแชมป์โลกถึง 9 สมัย  ในปี 2010 วาเลนติโน รอสซี่ ยังคงวาดลวดลายในศึก MotoGP เพื่อไล่ล่าหาแชมป์สมัยที่ 10 แต่ก็ยังไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้ โดยแชมป์โลกในปีนั้นตกเป็นของคู่หูทีมเมทอย่าง Jorge Lorenzo

     ปี 2011- 2012 วาเลนติโน รอสซี่ ได้ย้ายออกจากทีม Yamaha Factory Team เพื่อไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับทีมแข่งบ้านเกิดอย่างดูคาติ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ก่อนจะกลับมาคืนถิ่นเก่าอีกครั้งในปี 2013 พร้อมกับการขึ้นโพเดี้ยมได้ถึง 6 ครั้งและเป็นการคว้าชัยชนะมาครองได้ 1 ครั้งมีคะแนนสะสมรั้งอันดับที่ 4 ของโลก ในปี  2014 และ 2015 วาเลนติโน รอสซี่ ก็กลับมาพร้อมกับความมุ่งมั่นยิ่งกว่าเดิมเพื่อมาทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจต้านทานคลื่นลูกใหม่อย่าง มาร์ค มาร์เกวซ จากทีม Repsol Honda ได้ จึงทำผลงานได้ดีที่สุดเพียงแค่อันดับที่ 2 เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าแฟนๆ ทั่วโลกของ รอสซี่ ยังคงรอคอยให้เขาได้แชมป์โลก MotoGP สมัยที่ 10 และในฤดูกาล 2021 รอสซี ย้ายมาอยู่กับทีม Petronas Yamaha SRT เพื่อเปิดทางให้ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ดาวบิดฝรั่งเศส  หมายเลข 20 ได้ขึ้นสู่ทีมโรงงาน Monster Energy Yamaha MotoGP  

     สำหรับฉายา “เดอะ ด็อกเตอร์” มีน้อยคนนักที่จะรู้ถึงที่มา โดยฉายาเริ่มต้นของนักบิดจอมเกรียนสมัยยังเติร์กนั้นคือ “รอสซี่ฟูมิ” ซึ่งเขาเป็นคนคิดขึ้นมาเอง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “ไอ้หนุ่มผมยาว”โนริฟูมิ อาเบะ ยอดนักบิดดาวรุ่งชาวอาทิตย์อุทัยในสมัยนั้น และต่อมา รอสซี่ ก็เปลี่ยนฉายาเป็น “Valentinik” ซึ่งชื่อนี้มาจากซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อว่า “Paperinik” ซึ่งสุดท้ายแล้วยอดนักบิดจอมเกรียนอย่าง รอสซี่ ก็ตกลงปลงใจเปลี่ยนนิคเนมของเขาเป็น “เดอะ ด็อกเตอร์” ในท้ายที่สุด โดยชื่อดังกล่าวนั้นมาจากเหล่าสื่อมวลชนในอิตาลี ที่ต่างยกย่องในความสุดยอดและอัจฉริยะของเขาเพราะนอกเหนือจากสไตล์การขับรถที่ฉลาด ดุดัน มีไหวพริบที่ดี  อีกทั้งยังเก่งกาจเรื่องของเครื่องยนต์โดยสามารถพูดคุยกับทีมช่างให้ปรับแต่งรถแข่งให้ออกมาอย่างที่ใจเค้าต้องการ และ  “เดอะ ด็อกเตอร์” คือฉายาที่เหมาะกับ รอสซี่ มากที่สุดนอกจากนี้ นามสกุล Rossi คือนามสกุลของแพทย์ที่พบเยอะที่ในประเทศอิตาลีอีกด้วย  และสำหรับหมาย 46 ซึ่งเป็นเบอร์ที่รอสซี่เลือกใช้มาตั้งแต่ปี 1996 มันมีความหมาย ซึ่งหมายเลขดังกล่าวเป็นหมายเลขที่พ่อของเค้า กราเซียโน รอสซี เลือกใช้สมัยแข่งมอเตอร์ไซค์และคว้าแชมป์ Grand prix career  3 สมัยเมื่อปี 1979 ที่ประเทศยูโกสลาเวีย และในปัจจุบันหมายเลข 46 นั้นถูกนำไปผลิตเป็นหมวกกันน็อค เสื้อผ้า อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้แฟนคลับของรอสซี่ได้ซื้อเป็นที่ระลึกกันอีกด้วย

     “เดอะ ด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ VR 46 นักบิดผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างตำนานมากมายให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตมานานกว่า 20 ปี นักบิดผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาใดๆ และยังคงมุ่งมั่นกับการขับขี่ และอดทนต่อสถานการณ์ที่ยากลำบากเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด ถึงแม้ผลลัพธ์จะออกมารูปแบบใดก็ตาม และในฤดูกาล 2021 เราจะได้เห็นรอสซี่ลงวาดลวดลายบนพื้นแทร็คอีกหลายสนามก่อนที่เค้าจะโบกมือลาและหันไปทุ่มเทกับการบริหารทีม Aramco Racing Team VR46 ที่จะเข้าร่วมศึกโมโตจีพีในฤดูกาล 2022  และการประกาศรีไทร์ของวาเลนติโน รอสซี่ อาจจะทำให้การแข่งขันในฤดูกาลหน้าขาดสีสัน แต่เชื่อเถอะว่ากองเชียร์ทั่วโลกจะได้เห็นรอสซีในบทบาทใหม่ ซึ่งเค้าเองไม่ใช่นักบิดที่เก่งที่สุด แต่เค้าคือ “นักบิดที่ดีที่สุด” ที่คนทั้งโลกต่างยกย่องและสรรเสริญให้เค้าเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ  และเราจะคิดถึงเค้า “The Doctor” Valentino Rossi VR46