2022 YAMAHA YZF-R7
World GP 60th Anniversary Edition
SuperSport รุ่นพิเศษพร้อมความโดดเด่นที่แตกต่าง

รถจักรยานยนต์ Production Bike ในตระกูล R Series จากค่ายยามาฮ่าถือว่าได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายด้วยคาแร็คเตอร์ที่สืบทอด DNA มาจาก YZR-M1 รถแข่งในระดับโมโตจีพี พร้อมรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ดุดัน เร้าใจในสไตล์การขับขี่แบบ Replica Racing

ก่อนหน้านี้ทางค่ายยามาฮ่าก็ได้เผยโฉมโมเดลใหม่ปี 2022 ในตระกูลสปอร์ต R Series เพิ่มเติมอีกหนึ่งรุ่นนั้นก็คือ “YZF –R7” ดีไซน์ในสไตล์ Replica Racing ซึ่งถูกถอดแบบมาจาก YZF-R1 และ YZF-R6 พร้อมเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนาจากพื้นฐานของ MT- 07 โมเดลในปัจจุบัน และล่าสุดทางค่ายยามาฮ่าก็ได้เผยโฉม YZF –R7 โมเดลพิเศษ “YAMAHA YZF –R7 World GP 60th Anniversary Edition” เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีของการเข้าสู่การแข่งขัน World Grand Prix ครั้งแรกของยามาฮ่า ในปี 1961 French GP ที่แข่งขันในรุ่น 250 CC กับรถแข่ง RD48 และในปี 1964 ยามาฮ่าก็สามารถคว้าแชมป์ World Grand Prix ในรุ่น 250 CCได้สำเร็จจาก Phil Read ซึ่งลวดลายบนตัวรถเป็นสีขาวคาดด้วยแถบสีแดง และบังโคลนหน้าสีแดง ถือเป็นภาพลักษณ์บนรถแข่งของค่ายยามาฮ่ามาจนถึงปัจจุบันซึ่งเรียกว่าลาย Speed Block

ความโดดเด่นของ YAMAHA YZF –R7 World GP 60th Anniversary Edition ก็คือชุดแฟริ่งจะเป็นสีขาว คาดลายตรงกลางสีแดงแถบสีดำรวมไปถึงบนถังน้ำมัน หรือลาย Speed Block บังโคลนหน้าสีแดง ด้านหน้าเป็นสีเหลืองแบบเดียวกับ YAMAHA M1 รถแข่งทีมโรงงาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับล้อสีทอง , โช้คอัพหน้าสีทอง , ตราสัญลักษณ์ Gold Tuning Fork ของทีมโรงงาน , ชุดพักเท้า - คันเกียร์เป็นสีดำ และป้ายที่ระลึกฉลองครบรอบ 60 ปี World GP ที่ฝาครอบแอร์บ็อกซ์ ในส่วนของฟีเจอร์ต่างๆ ยังคงเหมือนเช่นเดิม ชุดแฟริ่งด้านหน้าถูกออกแบบตามหลัก “Aerodynamic” มีส่วนเว้าส่วนโค้งให้แหวกอากาศได้ดี ชุดไฟหน้าแบบ LED ขนาดใหญ่ ติดตั้งอยู่กึ่งกลางของตัวรถคล้ายคลึงกับ MT- 07 ขนาบข้างด้วยไฟ Cornering Light แบบ LED ถัดลงมาจะเป็นช่องแรมแอร์เพื่อให้กระแสลมเข้าไประบายความร้อนของเฟรมและเข้าสู่หม้อกรองอากาศ ชุดไฟเลี้ยวหน้า / หลังแบบ LED
หน้าปัดเรือนไมล์เป็นหน้าจอแบบ LCD อ่านค่าการทำงานได้อย่างครบครัน ด้านบนเสริมที่ครอบเรือนไมล์เพื่อให้ผู้ขับขี่อ่านค่าการทำงานได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในขณะมีแสงจ้า ชุดแผงคออลูมิเนียมออกแบบคล้ายกับ YZF – R1 ตัวแฮนด์เป็นแบบอลูมิเนียมจับยึดกับโช้คอัพใต้แผงคอ ถังน้ำมันถูกบีบให้แคบลงเพื่อให้เกิดความกระชับและควบคุมได้ง่ายขึ้น เบาะนั่งขนาดใหญ่แบบ 2 ชิ้นต่างระดับที่ปรับให้มีท่านั่งที่สมดุล แฟริ่งด้านท้ายเน้นความเป็นสปอร์ตขนานแท้พร้อมไฟท้ายเป็น LED แนวตั้ง ดีไซน์แบบเดียวกับตระกูล R-Series

ระบบเครื่องยนต์ของ YAMAHA YZF – R7 ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในรุ่น MT- 07 เป็นเครื่องยนต์แบบ Crossplane Crankshaft (CP2) ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องยนต์รหัส CP Series ที่ใช้ลูกเพลาลูกเบี้ยวหรือแคมชาร์ฟองศาต่างกันในแต่ละสูบ ลูกสูบที่หนึ่งใช้แคมองศาต่ำ ลูกสูบที่สองใช้องศาสูง เพื่อให้มีแรงบิดมากทั้งรอบต่ำและสูง อีกทั้งยังอัพเกรดลูกสูบเป็นแบบ Forged Aluminum พร้อมกระบอกสูบ direct-plated cylinders ที่รวมเข้ากับข้อเหวี่ยง ทำให้ได้ชุดเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบา มีความแข็งแรงที่ยอดเยี่ยมในอุณหภูมิที่สูง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถหมุนรอบต่อนาทีได้ในรอบที่สูงขึ้นนอกจากนี้ยังมีการปรับในเรื่องของอัตราทดเกียร์ใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับแนวทางของรถ และยังมีระบบ Assist & Slipper Clutch ใหม่ที่ช่วยลดแรงกระชากขณะลดเกียร์ด้วยความเร็วสูง ทำให้ได้รอบเครื่องยนต์ที่ราบเรียบไหลลื่นทุกย่านความเร็ว พร้อมด้วยระบบ Quick Shift System (QSS) ระบบเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องกำคลัทช์
.jpg)
ขุมกำลังเครื่องยนต์มีขนาด 698 ซีซี 2 สูบเรียง CP2 ข้อเหวี่ยง 270 องศา DOHC 4 วาล์ว/ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 80.0 มม x 68.6 มม อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 11.5:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์ ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า ที่ 8,750 รอบต่อนาที ส่วนกำลังแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 68 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบคลัทช์เป็นแบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง สตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้า ขับเคลื่อนด้วยชุดโซ่และสเตอร์ นอกจากนี้เครื่องยนต์ได้มีการปรับปรุงระบบหัวฉีดน้ำมัน, ระบบจุดระเบิด, ปรับระบบไอดี และระบบระบายไอเสียใหม่ เพื่อให้ผ่านมาตรฐานยูโร 5
.jpg)
ในส่วนของระบบอิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ ทางค่ายยามาฮ่าก็บรรจุมาให้ทั้งระบบ Traction Control System (TCS) ระบบควบคุมการลื่นไถลซึ่งปรับตั่งค่าการทำงานได้ถึง 6 ระดับ และสามารถเปิด/ปิดแทรคชั่นคอนโทรลได้ Launch Control System (LCS) ระบบควบคุมการออกตัว และ Quick Shift System (QSS) (สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องบีบคลัทช์) Assist & Slip Clutch ที่ช่วยป้องกันการล้อหมุนฟรี นอกจากนี้ยังมีคันเร่งไฟฟ้า YCC-T พร้อมทั้งโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมด A, B, STD สามารถเลือกการขับขี่ได้ตามต้องการพร้อมช่วยตอบสนองการขับขี่ได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งระบบอิเล็คทรอนิคส์ทั้งหมดจะควบคุมด้วยกล่อง ECU ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

ตัวโครงสร้างหลักของ YZF-R7 ได้รับการออกแบบใหม่แบบ Diamond Frame ที่แยกเป็น 2 ส่วน ด้านหน้าเป็นส่วนที่รองรับเครื่องยนต์และมีการออกแบบจุดยึดตำแหน่งใหม่ ส่วนด้านท้ายจะเป็นซับเฟรมแบบอลูมิเนียมที่เน้นน้ำหนักเบาและแข็งแรง ซึ่งโดยรวมเฟรมชุดนี้เน้นการออกแบบเฟรมที่แคบและบาง มีน้ำหนักเบา มีจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่ต่ำ ผลที่ได้คือการควบคุมที่ง่าย คล่องแคล่วในยามขับขี่ รวมไปถึงการปรับองศามุมเลี้ยวเพื่อให้เหมาะสมกับการบังคับในขณะเข้าโค้งทั้งในรูปแบบของการใช้งานทั่วไปและสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คอัพแบบเทเลสโคปิคหัวกลับ Upside-Down ขนาด 41 มม ของ KAYABA สามารถปรับตั้งได้ทั้งค่าความแข็งอ่อนของสปริงความหนืดในการยุบตัวและคืนตัว มีระยะการทำงาน 130 มม ด้านหลังเป็นโช้คอัพเดี่ยวแบบ Linked-type Monocross ของ KAYABA ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มอลูมิเนียม ที่ปรับตั้งได้ตามความชอบทั้งความแข็งอ่อนของสปริงและความหนืดได้ มีระยะการทำงาน 130 มม ระบบเบรกด้านหน้าจานเบรกคู่แบบโฟลทติ้งกึ่งลอยตัวขนาด 298 มม คาลิเปอร์แบบเรเดียลเม้าท์ขนาด 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลังเป็นดิสค์เบรกเดี่ยวขนาด 245 มม คาลิเปอร์เบรกขนาด 1 ลูกสูบ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยระบบ ABS ขนาดของล้อด้านหน้า 3.50 x 19 นิ้ว ด้านหลัง 5.00 x 17 นิ้ว เป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 10 ก้าน ส่วนยางหน้ามีขนาด 120/70-ZR17 ยางด้านหลังมีขนาด180/55-ZR17 รัดด้วยยางBridgestone BATTLAX HYPERSPORT มิติของตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง = 2,070 x 705 x 1,160 มม ความสูงของเบาะ 835 มม ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 135 มม ความยาวของฐานล้อ 1,395 มม ความจุของถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 13 ลิตร น้ำหนักโดยรวม 188 กิโลกรัม
