Kawasaki Ninja e1 2024 Kawasaki Ninja e1 : SPARK A NEW ERA เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Kawasaki Ninja e-1 และ Z e-1
เปิดตัวไปแล้งสำหรับ Kawasaki Ninja e-1 และ Z e-1 2024 ในสหรัฐอเมริกา รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของญี่ปุ่นที่บรรจุฮาร์ดแวร์มอเตอร์แบตเตอรี่และคุณสมบัติเดียวกัน แต่การออกแบบและราคามีความน่าสนใจไม่น้อย หลังจากที่เงียบหายไปนานสำหรับค่ายแตนเขียว "คาวาซากิ" กับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเรียกศรัทธาจากแฟนพันธุ์แท้ควาซากิ และแล้ว...ก็ไม่รอช้า เมื่อค่ายคาวาซากิได้เผยโฉมร่างของเจ้ารถโปรโตไทป์พลังงานไฟฟ้าเมื่อราวปานปีก่อน และล่าสุดจากโครงร่างก๋กลายเป็นจริง ภายใต้รหัว Z e-1 และ Ninja e-1 ที่เป็นเสมือน 2 คู่หูของรถพลังงานไฟฟ้าโมเดลแรกที่จะออกวางตลาด
Kawasaki Ninja e-1 และ Z e-1 คือรถมอเตอร์ไซค์สองล้อไฟฟ้าเต็มระบบ ที่ค่ายคาวาซากิได้ทำการเปิดตัวออกมา โดยจะมีการวางจำหน่ายก่อนเป็นแห่งแรกในทวีปยุโรป ซึ่งจากการสำรวจรูปลักษณ์ที่ดูคุ้นหน้าตากันพอสมควร โดยในโมเดล Kawasaki e-1 จะมาในลักษณะชุดแฟริ่งของเจ้า Ninja250/Ninja400 ทุกกระเบียดนิ้ว นับตั้งแต่ไฟหน้าโคมคู่แบบ LED รวมถุงแฟริ่งหน้า แฟริ่งข้าง ชิลด์หน้า บังโคลนหน้า แฟริ่งกลางใต้เบาะคนขับ แฟริ่งท้ายใต้เบาะคนซ้อน หรือแม้กระทั้งชุดเฟรมสวิลอาร์มหลัง และบังโคลนหลังก็ยังดูคล้ายคลึงกันมากพอสมควร
แต่ที่จะดูแตหต่างกันบ้างก็เพียงตำแหน่งฝาครอบช่องเก็บของ (ขนาด 5 ลิตร) ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับถังน้ำมันเดิม จึงดูเตี้ยลงไป ส่วนที่อกล่างก็มีการวางตำแหน่งยื่นลงไปใต้ท้องรถน้อยลง เนื่องจากมีการเพิ่มความสูงของใต้ท้องรถจากเดิม 140 มิลลิเมตร เป็น 160 มิลลิเมตรนั่นเอง ทำให้ไม่ต้องอ้อมคอท่ออีกต่อไป และทำให้ไม่ต้องใช้ปลายท่อนั่นเอง
นอกจากนั้นที่ชุดล้อหลังมีการปรับเปลี่ยน ไปใช้ของน้องเล็ก Kawasaki Ninja125 (หรือก็คือเจ้า Kawasaki Ninja 250SL ในบ้านเรานั่นเอง) มาพร้อมกับขนาดยางที่เล็กลงเหลือขนาด 100/80-17 ที่ล้อหน้าและ 130/70-17 ที่ล้อหลัง ให้เหมาะสมกับพลังงานขับเคลื่อนไฟฟ้า
สำหรับระบบกันสะเทือน มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนไปพอสมควร โดยกระบอกโช้คด้านหน้าจะเป็นแบบตะเกียบคู่หัวตั้ง ซึ่งดูต่างไปจากเดิม ส่วนตัวโช้คอัพยังไม่มีข้อมูลที่แน่นอน แต่ก็เชื่อว่าจะคล้ายคลุงกับเจ้า Ninja250/Ninja400 ในส่วนของมิติขนาดรถ ก็อาจจะมีความแตกต่างจากต้นแบบ Ninja250/Ninja400 ด้วยมิติความยาว 1,980 มิลลิเมตร ควสามกว้าง 690 มิลลิเมตร และความสูง 1,105 มิลลิเมตร ซึ่งอาจจะดูเหมือนเป็นการย่อขนาดลง ทำให้น้ำหนักลดลงเกือบ 30 กิโลเมตร
มาถึงหัวใจสำคัญของรถโมเดลนี้ แน่นอนว่าในเมื่อตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของขุมกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน มาเป็นพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า แน่นอนว่าในเรื่องสมรรถนะก็อาจจะแตกต่างจากเดิม แต่ก็ถือว่าแรงพอตัวเลยทีเดียว โดยตัวมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดรถมา จะให้แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 40.5 นิวตัน-เมตร ซึ่งเป็นแรงบิดที่สูงกว่าบล็อกเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 400 ซีซี ของเจ้า Ninja400 อยู่เล็กน้อย แถมมาด้วนรอบเครื่องที่ไวกว่าที่ 0-1,600 รอบ/นาที (แรงบิดของ Ninja 400 อยู่ที่ 37 นิวตัน-เมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที) ส่วนพลังกำลังม้า เจ้า Kawasaki e-1 ก็สามารถรีดพละกำลังสูงสุดถึง 12PS ที่ 1,600 - 4,000 รอบ/นาที ซ฿งถือได้ว่าเป็นแรงม้าที่พอๆ กับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดพิกัด 125 ซีซี. แต่นั่นเป็นแรงม้าที่จะใช้ได้เมื่อผู้ขับขี่ต้องเปิดคันเร่งเต็มพิกัด ในโหมด Road Mode + e-boost เท่านั้น แต่หากเป็นการขับขี่ด้วยโหมดปกติ มอเตอร์จะดร็อปกำลังลงมาเหลือเพียงแค่ 8 แรงม้า ซึ่งเป็นการออกแบบมาเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานนั่นเอง ส่วนสมรรถนะในเรื่อวของความเร็วสูงสุดนั้น จากการทดสอบเจ้า Kawasaki e-1 สามารถทำได้เฉลี่ยที่ 99 กิโลเมต่/ชั่วโมง ในโหมดของ Road Mode + e-boost นอกนั้นจะถูกลดหลั่นลงไป แล้วแต่โหมดที่เลือกใช้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสมรรถนะที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในเมือง ในขณะที่ตัวแบตเตอรี่ ซึ่งใช้แบตเตอรี่มาตรฐาน ขนาความจุ 30Ah น้ำหนัก 11.5 กิโลกรัม และใช้เวลาในการชาร์จไฟจาก 0-100 % ในเวลา 3.7 ชั่วโมง ซึ่งรถหนึ่งคันสามารถพกพาแบตเตอรี่ได้ 2 ลูก ทำให้มันสามารถวิ่งได้ไกลสุดราวๆ 72 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WMTC
เรื่องราคาจำหน่ายนั้นอาจตกต่างกันไป แต่ในสหรัฐอเมริการราคาจำหน่าย Ninja e-1 ไว้ที่ 7,599 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.82 แสนบาท ส่วน Z e-1 มีราคาจำหน่ายที่ 7,299 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.71 แสนบาท โดยจะเริ่มเปิดจองตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นไป ส่วนการส่งมอบรถคาดการณ์ไว้จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม 2024 |