![]() |
Honda Academy 2024 Honda Academy 2024 บันไดก้าวแรกมุ่งไปสู่การแข่งขันระดับเวิลด์คลาส
จากโครงการ Race to the Dream ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสานฝันสู่เส้นทางพานักแข่งไทยไปสู่ระดับเวิลด์คลาส โดยมี 2 นักแข่งไทยที่กำลังโลดแล่นในการแข่งขันรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง MotoGP ที่มี “ก้อง” สมเกียรติ์ จันทรา หมายเลข 35 ลงแข่งขันในรุ่น Moto2 แบบเต็มฤดูกาล และ “ก๊อง” ธัชกร บัวศรี ลงแข่งขันในรุ่น จูเนียร์ จีพี แบบเต็มฤดูกาลเช่นเดียวกัน ซึ่งมีโรดแมพที่ก้าวไปสู่การแข่งขันระดับโลกอย่างชัดเจน โดยตั้งเป้าไว้ในการเข้าร่วมการแข่งขัน MotoGP ในปี 2025 หลักสูตรอะคาเดมี่ระยะเวลา 2 ปี จึงเป็นบันไดขั้นแรกที่น้องๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 8-13 ปี จะได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Race to The Dream ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซึ่งก่อนหน้านี้จะต้องทำการออดิชั่น (คัดเลือก) จากทั่วประเทศซึ่งจะผ่านการคัดเลือกโดยจะมีจำนวนประมาณ 10 กว่าคนที่จะเลือกเข้ามาเพื่อบรรจุเข้าสู่หลักสูตรแบบเข้มข้นตลอดระยะเวลา 2 ปี ในปีแรกนั้นน้องๆ จะได้รับการปูพื้นฐานต่างๆ ในเรื่องของกติกา สัญญาณธง เรื่องของส่วนประกอบต่างๆ ในสนามแข่ง รายละเอียดการทำงานทุกอย่างที่สำคัญของตัวรถ ได้เรียนรู้ว่ารถทำอะไรได้บ้าง สามารถปรับตั้งตรงไหนยังไง วิธีการสังเกตถ้าอุปกรณ์ส่วนควบมีปัญหาจะมีอาการยังไง อย่างเช่นถ้าโซ่หย่อนจะเป็นยังไง ถ้าโช้คแข็งหรืออ่อนจะมีอาการยังไง รวมไปถึงในเรื่องของการปรับตั้งเบรก ตั้งคลัทช์ยังไง ควรปรับตั้งแบบไหนให้มีความเหมาะสมกับอวัยวะของเด็กแต่ละคน และก็จะเน้นในเรื่องของโภชนาการอาหารสำหรับเด็กในช่วงวัย 8-13 ปี ซึ่งในเด็กวัยที่ต่ำกว่า 13 ปีนั้นจะต้องออกกำลังกายและทานอาหารแบบไหน ซึ่งจะมีความแตกต่างจากเด็กที่มีอายุมากกว่า 13 ปีขึ้นไป โดยจะเน้นให้ความรู้และแนะนำให้ออกกำลังในส่วนของบอดี้เวท และเรื่องของวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทุกครั้งที่ถึงรอบอะคาเดมี่จะมีการทดสอบร่างกาย การวิ่ง และการทำข้อสอบโดยในวันเสาร์นั้นจะมีการทำทฤษฎี และวันอาทิตย์นั้นก็จะให้ทำข้อสอบเพื่อเป็นการทบทวนและจะมีการเก็บคะแนนสะสมในแต่ละสนามในโปรแกรมเรซด้วย โดยจะมีคะแนนรวม 100 คะแนน โดยจะให้คะแนนในเรื่องของผลแข่งนั้น 25 คะแนน ส่วนอีก 75 คะแนนนั้นจะมาจากคะแนนความรู้ทั่วไป การออกกำลังกาย เรื่องของพัฒนาการการขับขี่ โดยในช่วงปีแรกของโปรแกรมนั้นเด็กที่เข้าสู่หลักสูตรอะคาเดมี่จะได้ขับขี่ Honda NSF100 ในการฝึก จนเมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 ของหลักสูตรนั้นจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการ Advan Racing Skills ทางโค้ชฝึกสอนจะเริ่มให้น้องๆ ได้เข้าสู่สภาวะการปรับตัว เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวได้เมื่อต้องขับขี่ในที่ที่แตกต่างกันไปทั้งในรูปแบบของสนามแข่งและในเรื่องของสภาพอากาศ เพราะในอนาคตข้างหน้าเมื่อน้องๆ ได้เติบโตขึ้นเป็นนักแข่งมืออาชีพระดับเวิลด์คลาสแล้ว การเดินทางไปยังประเทศต่างๆ นั้นจะต้องเจอกับสภาวะอากาศที่แตกต่างกันในแต่ละสนามเพราะแต่ละประเทศก็จะไม่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อเข้าสู่หลักสูตรปีที่สองนั้นจะมีการปรับหลักสูตรให้มีการขับขี่ในรูปแบบเรซโปรแกรม (แข่งขัน) น้อยลง แล้วไปเพิ่มในเรื่องของเทรนนิ่งขับขี่มากขึ้น และมีการปรับเพิ่มเติมในเรื่องของรูปแบบสนามแข่งที่มีความแตกต่างกันโดยจะรวมไปถึงการขับขี่ในรูปแบบเดิร์ทและแฟลทแทร็ก(ทางฝุ่น)ด้วย โดยในช่วงปีที่สองของหลักสูตรนี้จะมีการเตรียมรถไว้ให้ขี่มากถึง 4 รุ่นคือ Honda NSF100, CBR150R, MSX125 เวอร์ชั่น HRC และ CRF125 ซึ่งเด็กๆ จะได้ฝึกร่างกายให้สามารถปรับเปลี่ยนไปตามความแตกต่างได้ระหว่างรถที่มีขนาดล้อ 12 นิ้ว และล้อ 17 นิ้ว และต้องปรับตัวให้สามารถขี่ได้ทั้งรถแข่งเรซซิ่งแมชชีนอย่าง Honda NSF100 และเรซซิ่งโปรดักชั่นเช่นเดียวกัน เพราะในอนาคต เมื่อน้องๆ ได้รับการคัดเลือกให้ก้าวไปสู่บันไดขึ้นต่อไปนั้นจะมีศักยภาพในการขับขี่รถแข่งได้หลายแบบ ซึ่งเมื่อครบหลักสูตรอะคาเดมี่สองปีแล้ว ทีมโค้ชจะทำหน้าที่คัดเลือกน้องๆ ได้ก้าวไปสู่บันไดขั้นต่อไปก็คือการออดิชั่นไปในการแข่งขัน Honda Thailand Dream Cup ซึ่งเป็นช่วงวัยของเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปที่จะได้ขี่ในรุ่น NSF250 สำหรับ Honda Academy 2024 นี้เข้าสู่ปีที่สองของหลักสูตร โดยมีน้องๆ 14 ไรเดอร์ประจำอยู่ในหลักสูตรรุ่นนี้ (2023-2024) ร่วมติดตามเชียร์น้องๆ เยาวชนไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นนักแข่งมืออาชีพในระดับเวิลด์คลาสต่อไป ซึ่งสนามต่อไปนั้นจะได้ขับขี่กันเป็นที่สนามที่ 2 ที่นวภพ สระบุรี (เทรนนิ่ง), สนามที่ 3 พีระคาร์ท (เรซโปรแกรมครั้งที่ 1), สนามที่ 4 ไทยแลนด์เซอร์กิต (เทรนนิ่ง), สนามที่ 5 ช้างคาร์ท บุรีรัมย์ (เรซโปรแกรมครั้งที่ 2) และปิดท้าย สนามที่ 6 ไทยแลนด์เซอร์กิต (เรซโปรแกรมครั้งที่ 3)
สัมภาษณ์ผู้ปกครองและเด็ก คุณแม่แม่น้องเสือคิด และน้องเสือเขียน ...เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มากโดยเฉพาะรูปแบบในปีนี้ เพราะว่าทำให้ทักษะของเด็กๆ แน่นขึ้น เพื่อเป็นการปูพื้นในการขยับไปขี่ในรุ่นต่อไป ส่วนผลงานของน้องเสือคิดและเสือเขียนนั้นค่อนข้างพอใจ ซึ่งในบางจุดนั้นที่ยังต้องปรับแก้โดยมีโค้ชแนะนำก็จะนำกลับไปปรับแก้เพื่อให้ครั้งหน้าทำได้ดีมากกว่าเดิม สุดท้ายก็ขอขอบคุณทางฮอนด้าและฝากเชียร์น้องเสือคิดและเสือเขียนด้วยค่ะ น้องเสือคิด มีเดช ...วันนี้ได้มีฝึกการใช้เบรกหลังแล้วก็การทรงตัวครับ ตอนขี่ทั้งรู้สึกสนุก ทั้งเหนื่อยครับ แต่ก็ทำได้ตามที่โค้ชบอก ส่วนที่คิดว่าต้องปรับแก้ก็คือการเปิดคันเร่งครับ เพราะอาจจะเปิดคันเร่งช้ากว่าเพื่อนๆ แต่มาช่วงหลังก็เริ่มเร็วกว่าเดิม วันนี้สนุกมากครับ น้องเสือเขียน มีเดช ... วันนี้โค้ชสอนในเรื่องของการใช้เบรกหลัง เพราะว่าส่วนใหญ่ที่ขี่อะคาเดมี่มา ส่วนใหญ่จะใช้เบรกหลังน้อย แล้วก็เลยทำให้ไม่ค่อยคุ้นกับการใช้เบรกหลังสักเท่าไหร่เลยครับ แล้วก็ได้ฝึกแบบจิมคาน่าด้วยครับ รู้สึกสนุกมากครับได้ขี่รถกับเพื่อนๆ รู้สึกดีมากๆครับ ................................................................ คุณพ่อน้องณรักษ์ ...สำหรับโครงการอะคาเดมี่ปี 2024 นี้ ทางผมและครอบครอบยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมต่อเนื่องสู่ปีที่ 2 ของโครงการฮอนด้า ซึ่งทางฮอนด้ามีโครงการ Honda Race to the Dream ที่รับสมัครเด็กๆ ตั้งแต่อายุ 8-13 ปี เพื่อเป็นบันไดก้าวไปสู่การแข่งขันระดับโลก ซึ่งทางผมและครอบครัวเองนั้นมีความมั่นใจในเรื่องของมาตรฐานทั้งหลักสูตรการสอนและความปลอดภัยของฮอนด้า ผมขอขอบคุณฮอนด้ามากครับที่มีโครงการดีๆ แบบนี้เพื่อสร้างนักแข่งไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันทัดเทียมนานาชาติครับ น้องณรักษ์ ศรีสุวรรณ์ ...วันนี้สนุกมากครับ ได้ใช้เบรกหลังครั้งแรก เพราะไม่เคยใช้เบรกหลังเลย ก็เกือบล้มไปรอบนึง แล้วได้ไปขี่แบบจิมคาน่าก็สนุกดีครับ โค้ชบอกว่าต้องมีการปรับท่าขี่ด้วย ซึ่งโค้ชก็แนะนำว่าต้องใช้เบรกหลังให้เยอะกว่าเดิม รู้สึกสนุกมากครับได้เจอได้ขี่กับเพื่อนๆ อยู่บ้านก็น่าเบื่อ มานี่เจอเพื่อนเยอะเลยครับ |