BLUE CORE BLUE CORE เทคโนโลยีอัจฉริยของเครื่องยนต์ยุคปัจจุบัน แรงเต็มพิกัด...ประหยัดสุดๆ จนเหลือเชื่อ
บลูคอร์ เครื่องยนต์อัจฉริยะ แน่นอนว่าหลายๆ คนคงได้ยินกับคำว่า BLUE CORE อยู่บ่อยๆ เวลาเห็นโฆษณารถมอเตอร์ไซค์จากทาง Yamaha หลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรถเกียร์ออโตเมติค ไม่ว่าจะเป็น Yamaha Fino125, Yamaha GT125, Yamaha Grand Filano และ Yamaha NMAX ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่าคำว่า "BLUE CORE" มันคืออะไร? วันนี้เรามาลองล้วงลึกกันถึงเทคโนโลยี BLUE CORE กันดีกว่ามีความยอดเยี่ยม หรือประหยัดได้อย่างไร และมีความเป็นมากี่เวอร์ชั่นกันแล้ว....
นิยามของเทคโนโลยี BLUE CORE คือ "ความประหยัด ที่มาพร้อมกับ สมรรถนะที่ดีขึ้น" โดย Yamaha ได้มีการวางหลักการของเครื่องยนต์ BLUE CORE ไว้ 3 อย่างด้วยกันนั่นก็คือ เพิ่มประสิทธิภาพของการเผาไหม้, ลดการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์ และ ควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมกับการจุดระเบิดอย่างแม่นยำ ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ จะช่วยทำให้รถของเราประหยัดน้ำมันมากขึ้นและให้สมรรถนะที่นั่นเอง
เครื่องยนต์ BLUE CORE ออกแบบเพื่อเป้าหมายส่วนผสมของความประหยัด และประสิทธิภาพอย่างลงตัว BLUE CORE หัวใจสำคัญในรถออโตเมติกของยามาฮ่า มีจุดประสงค์ในการพัฒนาคือ ต้องการให้เป็นเครื่องยนต์ที่ตอบสนองการใช้งานของผู้ขับขี่ที่ต้องการใช้รถจักรยานยนต์ในชีวิตประจำวัน เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2014 โดยมีจุดเด่น 3 ข้อ ได้แก่ 1. เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้เชื้อเพลิง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2. ลดการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์ 3. ควบคุมการใช้น้ำมันพร้อมกับการจุดระเบิดอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดประสงค์หลักของการสร้างเครื่องยนต์ใหม่นี้ เพื่อสร้างความสมดุลของการการใช้พลังงานเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพละกำลังของเครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังต้องทำให้รถมอเตอร์ไซค์ยังมีประสิทธิภาพสูงสอดคล้องกับการใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงที่น้อยลง ซึ่งเครื่องยนต์ BLUE CORE สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องยนต์แบบเดิมได้ถึง 50% ด้วยกัน แถมยังมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่นุ่มนวลมากกว่า, ทนทานมากกว่า, ขนาดเล็กกว่า, ใช้งานได้ง่ายกว่า และเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์แบบเดิม ซึ่งเครื่องยนต์ BLUE CORE ในปัจจุบัน ถือเป็นหัวใจสำคัญในรถออโตเมติกของยามาฮ่า
เครื่องยนต์ BLUE CORE ถูกออกแบบให้ช่องไอดีเป็นแบบคอคอด และออกแบบห้องเผาไหม้ให้มีการหมุนวนของส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศผสมกันเป็นหนึ่งเดียว ก่อนที่จะถูกรีดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ โดยได้มีการเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11 : 1 เพื่อการเผาไหม้ที่มีคุณภาพสูง โดยที่ รถเกียร์อัตโนมัติรุ่นอื่นๆ จะมีอัตราส่วนแรงอัดเพียง 9.5:1 ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์มีกําลังอัดสูงขึ้น การระเบิดก็ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ทําให้ได้แรงบิดสูงในรอบต่ำ และมีการปรับชุดพู่เลย์และคลัทช์ใหม่ให้ตอบสนองกําลังที่มากขึ้น โดยใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำลง จนถึงปัจจุบันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว ที่เครื่องยนต์ BLUE CORE ถูกใช้งานในรถออโตเมติกของยามาฮ่า เรามาทำความรู้จักกันครับว่าที่ผ่านมา กับ 4 เวอร์ชั่นของเครื่องยนต์ชนิดนี้ มีการพัฒนาการใดบ้าง ในปี ค.ศ. 2014 ยามาฮ่าเปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นใหม่ในชื่อว่า เครื่องยนต์ BLUE CORE ขนาด 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ถูกใช้งานครั้งแรกใน Yamaha Grand Filano ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดของรถออโตเมติกจากยามาฮ่าในขณะนั้น ก่อนจะถูกนำไปติดตั้งในรถรุ่นอื่นๆ ที่ออกตามมาภายหลัง
ถัดมาอีก 2 ปี ในปี 2016 ยามาฮ่าได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ Yamaha Nmax 155 ซึ่งรถคันนี้ได้ติดตั้งเครื่องยนต์บลูคอร์รุ่นใหม่ ในเวอร์ชั่นที่ 2 ด้วยเครื่องยนต์ BLUE CORE ขนาด 155 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผัน (VVA) ซึ่งจุดเด่นของเครื่องยนต์รุ่นนี้คือความนุ่มนวลของตัวรถในรอบเครื่องยนต์ต่ำ และอัตราเร่งจัดจ้านในช่วงรอบเครื่องยนต์สูง อันเนื่องมาจากการทำงานของระบบวาล์วแปรผันนั้นเอง ทำให้ Yamaha Nmax 155 ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ต้องการความสนุก และความคล่องตัวในรถคันเดียว ในปี 2018 ยามาฮ่า ประกาศเปิดตัว Yamaha Grand Filano Hybrid เป็นครั้งแรกในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ใช้เครื่องยนต์แบบไฮบริด ซึ่งเครื่องยนต์นี้คือเครื่องยนต์ BLUE CORE เวอร์ชั่นที่ 3 ติดตั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อช่วยในการออกตัว และช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของเครื่องยนต์ตัวนี้คือมีน้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์รุ่นเดิมมากถึง 840 กรัม มาพร้อมกับตัวถังของรถที่มีน้ำหนักเบากว่าเดิม ทำให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น และมีเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ที่เงียบกว่าเดิมด้วยการใช้ Smart Motor Generator ในการติดเครื่อง ทำให้การติดเครื่องนี้นุ่มนวลมากยิ่งกว่าเดิม และในปี 2019 ยามาฮ่า อินโดนีเซีย ประกาศเปิดตัวรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุด All new Yamaha Nmax 155 ที่เป็นการต่อยอดความสำเร็จของ Yamaha Nmax 155 รุ่นเดิม โดยใน All new Yamaha Nmax 155 รุ่นใหม่นี้ ใช้เครื่องยนต์ BLUE CORE เวอร์ชั่นที่ 4 ขนาด 155 ซีซี พร้อมวาล์วแปรผัน ซึ่งในเวอร์ชั่นที่ 4 นี้มีการติดตั้งมอเตอร์สตาร์ทแบบ Smart Motor Generator ทำให้การติดเครื่องยนต์นั้นนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และยังมาพร้อมกับระบบ Stop & Start system เพิ่มความประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิม
คราวนี้กลับมาดูถึงรายละเอียดการออกแบบเจ้าเครื่องยนต์ BLUE CORE กันบ้าง การเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ BLUE CORE ได้มีการออกแบบช่องไอดี ให้เป็นแบบคอคอด และออกแบบห้องเผาไหม้ให้มีการหมุนวนของส่วนผสม เพื่อทำให้อัตราส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศผสมกันเป็นหนึ่ง เดียวก่อนที่จะถูกรีดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ โดยได้มีการเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11 : 1 เพื่อการเผาไหม้ที่มีคุณภาพสูง โดยที่ รถเกียร์อัตโนมัติรุ่นอื่นๆ จะมีอัตราส่วนแรงอัดประมาณ 9.5:1 ซึ่งเมื่อกําลังอัดสูงขึ้น การระเบิดก็ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ทําให้ได้แรงบิดสูงในรอบต่ำ และมีการปรับชุดพู่เลย์และคลัทช์ใหม่ให้ตอบสนองกําลังที่มากขึ้น โดยใช้รอบต่ำลง ด้านของการลดการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์นั้น ได้มีการลดแรงเสียดทานโดยการออกแบบให้ตัวกระบอกสูบมีระยะเยื้องศูนย์กับแนวเส้นผ่าศูนย์กลางของเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อช่วยในการลดแรงเสียดทานระหว่างลูกสูบกับผนังกระบอกสูบ ช่วยให้รองรับแรงอัดที่มากขึ้นในจังหวะระเบิด และลดการสูญเสียแรงลง โดยการออกแบบนี้ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เรียบ ใช้น้ำมันอย่างคุ้มค่าและเครื่องยนต์ทำงานเงียบขึ้นนั่นเอง เครื่องยนต์ BLUE CORE ใช้กระบอกสูบแบบไดอะซิล ซึ่งช่วยระบาย
ความร้อนได้ดีกว่าเสื้อสูบแบบธรรมดาถึง 3 เท่า และเมื่อมีกำลังอัดที่เยอะขึ้นเป็น 11:1 ที่จัดว่าสูงทึ่สุดในบรรดารถที่มีการระบายความร้อนด้วยอากาศ จึงปรับปรุงระบบระบายความร้อนโดยให้ครีบระบายความร้อนให้ถี่ขึ้นและหนาแน่นมากขึ้น พัดลมดูดอากาศดีขึ้น มีพลาสติกคุมการไหลของอากาศไปยังจุดที่ต้องการระบายความร้อน และมีหัวฉีดน้ำมันหล่อลื่นใต้ลูกสูบอีกด้วย จะเห็นได้ถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีดีๆจากทาง Yamaha เพื่อผู้บริโภค ซึ่งทำให้ได้มอเตอร์ไซค์ที่มีความประหยัด ที่มาพร้อมกับ สมรรถนะที่ดีขึ้น โดยเจ้าเครื่องยนต์ BLUE CORE นั้นในบางรุ่น สามารถทำได้ถึง 60 กม./ลิตร เลย ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ประหยัดมากเลยทีเดียว หวังว่าหลายๆคนคงได้รู้ถึงเครื่องยนต์อัจฉริยะล่าสุด BLUE CORE จากทาง Yamaha ไปคงจะได้เข้าใจถึงการทำงานของเครื่องยนต์ตัวนี้กันได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมนะครับ (ข้อมูลจาก ไทยยามาฮ่า มอเตอร์) |