New Yamaha YZF-R9 All New Yamaha YZF-R9 2025
ในปี 2021 ยามาฮ่า ได้แนะนำโซลูชันแรกให้กับเรา นั่นคือ YZF-R7ที่ใช้เครื่องยนต์คู่ขนานที่ใช้งานได้จริงและตอนนี้ ยามาฮ่ากำลังทุ่มเทให้กับการพัฒนาซูเปอร์สปอร์ตที่อเนกประสงค์และเข้าถึงได้มากขึ้นด้วยYZF-R9 ที่ทุกคนรอคอยซึ่งจะวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2025
All New Yamaha YZF-R9 2025 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Crossplane 3 ลูกสูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ 4 จังหวะ ขนาด 890 ซีซี ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เครื่องยนต์มีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11.5:1 กระบอกสูบมีขนาดความกว้าง x ช่วงชัก อยู่ที่ 78.0 x 62.1 มิลลิเมตร ให้พละกำลังสูดสุดที่ 119.0 แรงม้า (87.5 กิโลวัตต์ ที่ 10,000 รอบ/นาที) มีแรงบิดสูงสุดที่ 93.0 นิวตันเมตร (ที่ 7,000 รอบ/นาที) คลัทช์เป็นแบบเปียกชนิดหลายแผ่น ระบบจุดระเบิดแบบ TCI (transistor controlled ignition) ระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบหัวฉีด
All New Yamaha YZF-R9 2025 ตัวรถถูกออกแบบให้มีความคล่องตัว ปราดเปรียว ในการขับขี่ ตามเอกลักษณ์ของซูเปอร์สปอร์ตในตระกูล R-Series พร้อมโครงเฟรม Deltabox อะลูมิเนียมน้ำหนักเบาแต่คงความแข็งแร่ง ตัวถังเน้นประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์แอโรไดนามิก และ winglet ด้านหน้าช่วยเพิ่มแรงกดขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง ตัวรถมีมิติขนาดอยู่ที่ (กว้าง x ยาว x สูง) 705 x 2,070 x 1,180 มิลลิเมตร ระยะห่างระหว่างล้ออยู่ที่ 1,420 มิลลิเมตร ความสูงจะพื้นถึงเบาะ 830 มิลลิเมตร วงล้อเป็นแบบแม็กซ์ มีขนาดยางหน้าที่ 120/70ZR17M/C (58W) Tubeless และขนาดยางหลังที่ 180/55ZR17M/C (73W) Tubeless ตัวถังน้ำมันสามารถจุได้สูงสุด 14 ลิตร มีน้ำหนักโดยรวม 195กิโลกรัม
ระบบกันสะเทือนในล้อหน้าเป็นโช้กอัพหัวกลับ Telescopic จาก KYB ขนาด Ø43 มีระยะยุบตัว 120 มิลลิเมตร สามารถปรับตั้งค่าพรีโหลด rebound และ compression ได้อย่างเต็มระบบ ระบบกันสะเทือนด้านหลังอะลูมิเนียมสวิงอาร์มพร้อมโช้คอัพเดี่ยว มีระยะยุบตัว 118 มิลลิเมตร ขณะที่เบรกหน้าเป็นแบบ Hydraulic ดิสก์เบรกคู่ขนาด Ø320 มิลลิเมตร ทำงานควบคู่กับคาลิปเปอร์โมโนบล็อกจาก Brembo และเบรกหลังเป็นแบบ Hydraulic ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด Ø220 มิลลิเมตร
All New Yamaha YZF-R9 2025 มาพร้อมโหมดการขับขี่จากโรงงาน 3 รูปแบบ ได้แก่ Sport, Street และ Rain โดยผู้ขับขี่สามารถ Custom ได้อีก 2 โหมด เพิ่มเติมที่โหมด Track ซึ่งจะสามารถตั้งค่าแตกต่างกันออกไปได้ถึงอีก 4 แบบ อีกทั้งยังจัดเต็มด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่ถอดออกมาจากสนามแข่งอย่าง WSBK และ MotoGP อาทิเช่น ชุด IMU 6 แกน อันทันสมัยที่สามารถตรวจวัดค่าอัตราเร่งแต่ละทิศทางพร้อมส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ไปยัง ECU, ระบบป้องกันการลื่นไถล, ระบบป้องกันการยกตัวของล้อหน้า (LIF), ระบบช่วยออกตัวแบบสไตล์แข่งขัน (LC), ระบบควบคุมการเบรก (BC) และระบบการเปลี่ยนเกียร์ Quick Shift แบบไม่ต้องใช้คลัตซ์เพื่อความไหลลื่น ต่อเนื่องในการขับขี่ เป็นต้น
หน้าจอแสดงผล TFT ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ที่ 5 นิ้ว พร้อมแสดงรายละเอียดที่จำเป็นต่อการขับขี่ได้อย่างครบถ้วน ชัดเจน ทั้งอัตราความเร็ว, รอบเครื่องยนต์, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทาง, นาฬิกา, อุณหภูมิ เป็นตัน และรวมไปถึงการแสดงไฟสถานะต่างๆ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอป MyRide นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลการขับขี่ด้วยแอป Y-Trac เทคโนโลยีเดียวกับสนามแข่งเพื่อยกระดับประสบการณ์แบบ Supersport |