แม้ว่าในตลาดรถใหญ๋หรือรถบิ๊กไบค์ในบ้านเรา เริ่มที่จะมีรถใหม่แกะกล่องเข้ามาจำหน่ายหลายยี่ห้อแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ายยักศ์ใหญ่ของญี่ปุ่นทั้ง 4 ค่าย หรือแม้แต่จากยูโรปและอเมริกา แต่ด้วยราคาค่าตัวที่จะคงสูงอยู่ เพราะเป็นรถนำเข้าทั้งคัน จึงจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่ม “ซูเปอร์พรีเมี่ยม” ที่กระเป๋าหนักเท่านั้น แต่สำหรับพวกกลุ่มระดับกลาง หรือผู้ที่ต้องการประหยีดเงิน ก็ยังคงเลือกหารถมือสองอยู่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ๋ที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับสภาวะเศรษฐกิที่เริ่มจะดีขึ้น ยิ่งทำให้ตลาดรถบิ๊กไบค์มือสองเติบโตตามไปด้วย เราจึงเริ่มเห็นร้านขายรถบิ๊กไบค์ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งประเภาทร้านเล็กๆ ตามตรอกซอย และร้านใหญ่ที่เป็ฯทั้งศูนย์บริการและโชว์รูมระดับมาตรฐาน
    สำหรับเรื่องรถบิ๊กไบค์มือสองนั้น แม้ว่าจะมีราคาที่ถูกกว่ารถใหม่มากพอสมควร แต่ก็ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควรในการเลือกซื้อ โดยเฉพาะหากคุณไม่ใช่คนที่ร็เรื่องรถบิ๊กไบค์ดีเท่าที่ควร หรือไปซื้อจากร้านค้าที่ไม่มีคุณภาพ ยิ่ไปเจอร้านค้าประเภท “ย้อมแมว” รับรองได้ว่า นอกจากราคาจะแพงกว่าปกติแล้ว ยังอาจจะได้เพียงแค่ “ซาก” รถที่ไร้วิญญาณ หรือบางรายแม้ว่าจะได้ราคาที่ถูกกว่า 1-2 หมื่นบาท แต่ก็ต้องมาซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่อุปกรณ์ที่ใกล้จะหมดอายุแล้วอีกหลายหมื่นบาท

รถบิ๊กไบค์มือสอง มีแต่รถที่ “ล้ม” หรือ “ชน”

     เป็นคำถามยอดฮิตเลยทีเดียว ที่หลายคนสงสัยว่า “รถบิ๊กไบค์มือสอง” ส่วนใหญ่ที่ขายกันอยู่นั้น เป็นคนที่เคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วทั้งนั้นจริงหรือไม่? จริงๆ แล้วผลก็ไม่กล้าที่จะตอบแบบ “ฟันธง” ลงไปเลยว่า “จริงหรือไม่จริง” แม้ว่าจะมีรถส่วนใหญ่กว่า 95% ที่เป็นจริงตามนั้น แต่ก็ยังมีบางส่วนที่อาจะไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยก็เป็นไปได้ อาจจะมีบางเล็กน้อยที่เกิดการ “เฉี่ยว” หรือ “กระแทก” ที่อาจจะทำให้เกิดรอยบุบหรือสีถลอกเล็กๆ น้อยๆ ก็ขนาดรถตลาดเล็กๆ ที่เราใช้กันอยู่ บางครั้งยังอาจจะเกิดการเฉี่ยวชนเล็กๆ น้อยๆ ได้ แล้วประสาอะไรกับรถใหญ่ๆ ที่มีความเร็วสูงจะเกิดขึ้นไม่ได้ เอาเป็นว่า...หากเป็นการล้มเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ไปทำให้สมรรถนะด้านการขับขี่หรือประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง ก็ไม่น่าจะไปซีเรียสอะไรมากมายนัก (จริงมั้ยครับ) การล้มเป็นเรื่อง “ธรรมชาติ” ขอเพียงแต่อย่าชนหนัก (ชนยับ) ก็พอแล้วล่ะครับ

ทำไมรถบีกไบค์มือสอง ถึงราคาถูก?

     จริงๆ แล้วจะเรียกว่าถูก ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะว่าหากมาเทียบกับรถตลาดบ้านเรา หรือรถใหม่ขนาด 250 ซีซี. ก็ยังถือว่าแพง แต่หากเทียบกับรถบีกไบค์ใหม่ๆ ถือได้ว่าถูกกว่าเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว โยเฉพาะรถจากญี่ปุ่น เหตุผลก็เนื่องมาจาก เป็นรถที่ผ่านการใช้งานและ “ปลดเกษียร” ไปเรียบร้อย โดยส่วนใหญ่แล้วรถของพี่ยุ่นมักจะใช้แต่รถใหม่ ประเภทเกิน 4 ปี ก็ถือว่าเก่าแล้ว รวมถึงทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีนโยบายให้ผู้ขับขี่ใช้รถใหม่ เพราะรถเก่าส่วนใหญ่จะสร้างปัญหาเรื่องมลพิษ ดังนั้น หากอายุรถเกิน 4 ปี ภาษีจะค่อนข้างแพง ดังนั้น ผู้ขับขี่จึงมักจะขายทิ้งไปเลย
     ส่วนรถที่เกิดอุบติเหตุก็เช่นเดียวกัน คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่หากรถมีปัญหามาก จะไม่ค่อยซ่อมแซมเหมือนบ้านเรา เนื่องจากค่าแรงในการซ่อมของเค้าแพงเอาการ สำนักแต่งต่างๆ ก็ล้วนแต่ขั้นเทพทั้งนั้น ดังนั้น “ซื้อรถใหม่ คุ้มค่ากว่า” แล้วเจ้ารถเหล่านี้ก็ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็ถูกประมูลขายออกไป ยิ่งหากเป็นการประมูลขายไปนอกประเทศ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นยิ่งสนับสนุนเต็มที่ เพราะนอกจากจะเป็นการลดมลพิษจากการใช้รถเก่าแล้ว ยังเป็นการลดขยะด้านมลพิษและขยะอิเล็คทรอนิกอีกด้วย

     มาถึงตรงนี้แล้ว หลายท่านก็คงจะพอทราบแล้วว่า...ทำไมรถบิ๊กไบค์ (มือสอง) ถึงมีราคาถูก แต่ก็นั่นแหละครับ ที่ว่า “ถูก” ก็ยังมี “ถูกกว่า” หรือ “โคตรถูก” แต่ก็ให้คิดไว้ก่อนเถอะครับ “หากราคาถูกเกินไป” ย่อมต้องมีอะไรที่ไม่ถูกต้องแน่