การปรับความหนืดของ "โช๊คอัพ" สำหรับโช้คแก๊สนั้นจะมีความสเถียรภาพมากแม้ว่าจะใช้งานหนักก็ตาม เพราะมีตัวช่วยของโช้คอัพเริมขึ้นมา หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า “ตัวปรับหนืด” (Rebound Adjuster) ซึ่งเจ้าตัวนี้จะทำงานโดยการปรับรูทางผ่านของน้ำมันใน Piston Valve อุปกรณ์ตัวนี้จะถูกเสริมเมื่อผู้ขั่บขี่ต้องการความเที่ยงตรงให้เหมาะสมกับการงานมากที่สุด เช่นเดียวกับสปริง ที่จะมีตัว “สตรัทปรับเกลียว” (Spring preload Adjuster) ซึ่งจะช่วยในการหาความแข็งของปริงที่จะรับกับน้ำหนักบรรทุกได้อย่างเหมาะสม ส่วนปัญหาของโช้คอัพ ส่วนใหญ่จึงมักจะเกี่ยวกับเรื่องของ “น้ำมันรั่ว” โดยเฉพาเรื่องน้ำมันรั่วออกมาจากซีลโช้ค (Seal Block) และจะทำให้โช้คอัพสูญเสียน้ำมันไปเรื่อยๆ ซึ่งก็จะทำให้มันสูญเสียความสามารถในการหน่วงไป ทำให้รถคุณวิ่งเหมือนเด้งอยู่บนสปริง สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำมันจะรั่ว ก็มาจากซีลยาง ซีลยางนี้ มีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว ตามระยะของผู้ผลิตโช้ค ดังนั้น เราจึงควรเปลี่ยนโช้คอัพเมื่อรถวิ่งไปได้ในระยะทาง 100,000 กิโล หรือ 5 ปี โดยไม่ต้องรอให้รั่ว เพราะซีลมันจะเสื่อมตามระยะเวลาอยู่แล้ว ดังนั้น แม้ว่าถ้ารถของคุณจะไม่ค่อยได้ใช้เลย ยิ่งจะทำให้ซีลยางเสื่อมสภาพมากกว่าปกติ เพราะทุกครั้งที่โช้คขึ้นลง ก้านแกนโช้คจะนำเอาน้ำมันออกมาเล็กน้อยด้วยช่วยหล่อลื่นซีลครับ ถ้าคุณไม่ใช้รถเลย จอดไว้เป็นอาทิตย์เฉยๆ ซีลจะแข็งและเสื่อมสภาพและฉีกง่ายมากๆ ปัญหาโช้ครั่วก็จะตามมา ส่วนเรื่องระบบของโช้คอัพนั้น จริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโช้คน้ำมัน หรือโช้คแก๊ส ก็ถือได้ว่ามีประสิทธิภาพที่เพียงพอสำหรับการใช้งานปกติอยู่แล้ว ขอเพียงแต่ให้เลือกโช้คอัพที่ไก้มาตรฐาน ส่วนใครที่อยากได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น “โช้คแก๊ส” ก็เป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน แต่ก็ต้องเลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐานด้วยเช่นกัน ข้อชี้แนะเกี่ยวกับเรื่อง โช๊คอัพ 1. ควรเปลี่ยนโช้คทั้งสองข้างพร้อมกัน |